ประวัติเเม่ใหญ่ โยมอุบาสิกาสุ่ม ทองยิ่ง วัดอัมพวัน สิงห์บุรี

Saturday, May 29, 2010

พระราชสุทธิญาณมงคล


ท่านสาธุชนทั้งหลาย โยมสุ่ม ทองยิ่ง นั้นมิใช่บำเพ็ญกุศลในชาตินี้เท่านั้น ได้บำเพ็ญมาแล้วหลายชาติหลายกัปป์หลายกัลป์ โยมเริ่มต้นเข้ามาปฏิบัติกรรมฐานในปลาย พ.ศ. ๒๔๙๔ ขณะที่มีอายุเพียง ๓๘ ปีเท่านั้น เมื่อถึงแก่กรรมในเวลาอันสมควรนี้ รวมอายุได้ ๘๔ ปี ๖ เดือน หลังจากบำเพ็ญกุศลฌาปนกิจศพเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทำให้ความวังเวงใจเกิดขึ้นแก่พวกเราที่ได้เคยอยู่ร่วมกันมาเป็นเวลานาน




แต่ก่อนนี้ ผู้ที่จะสนใจปฏิบัติธรรมตั้งแต่อายุ ๓๘ ปีนั้นหายาก แม่สุ่มสนใจทำอย่างจริง ๆ จัง ๆ ทุกวันพระไม่เคยขาด พาหนะที่มาก็คือพายเรือมากับแม่ช้อย แม่จัน ต่อมาก็มีแม่แต้มพ่วงมาด้วย บัดนี้คนเหล่านี้ก็ได้ร่วงโรยจากโลกไปสู่สัมปรายภพหมดแล้ว



แม่สุ่ม ทองยิ่ง เมื่ออยู่ในวัย ๓๘ ปีนั้น มีอาชีพเกษตรกรรม ทำไร่ทำนา ต้องไปทำถึงคลองเม่า บางขาม หลายแห่ง ไกลแสนไกล ก็เดินทางไปอย่างอดทน เป็นหัวหน้าครอบครัว โยมฮงเป็นสามีแต่ก็ชอบอยู่หลัง เเม่สุ่มเป็นคนที่ไม่พูด แต่เป็นคนทำ ต้องออกเก็บผลหมากรากไม้ตั้งแต่ตีสี่ไปขายที่ตลาดสิงห์บุรี พ่อคือ พ่อทรัพย์ แม่คือ แม่ช้อย บรรจบราษฎร์ พ่อทรัพย์เป็นทายกวัดศรีสาคร ไม่ค่อยอยู่บ้าน กินข้าวแล้วก็ต้องไปวัด สร้างโบสถ์ สร้างศาลา สร้างวัดสร้างว่าจนชีวิตหาไม่ นั่น สร้างวัตถุ ส่วนแม่ช้อยชอบ สร้างธรรมะ ปฏิบัติธรรมะกับลูกสาว คือ แม่สุ่ม ทองยิ่ง เวลามาวัดก็พายเรือมาจากที่บ้านเตาปูน เหนือวัดศรีสาครใต้ปากคลองบางพุทรา อาตมาอยู่วัดพรหมบุรีตั้งแต่สมัยสร้างโบสถ์ จนกระทั่งโบสถ์เก่าไปหมดแล้ว แม่สุ่มแม่ช้อยมาสอบอารมณ์ เวลามาก็ลัดทุ่งมาบ้าง มีถ่อมาอันนึง แม่สุ่มก็ถ่อ แม่ช้อยก็พาย ขากลับถ้าออกทางทุ่ง ก็ลัดทุ่งไป ๗ – ๘ กิโล กว่าจะถึงบ้านก็มืดทุกวัน



บุตรคนหนึ่งของแม่สุ่มคือ นายเมือง ทองยิ่ง เคยเป็น ผอ.โรงเรียนประจำจังหวัด เป็นศึกษาธิการจังหวัด ตอนนี้ปลดเกษียณแล้ว ลูกของแม่สุ่มบัดนี้มีหลักฐานมีงานมีการที่ดีทำกันหมดแล้ว



แม่สุ่ม ทองยิ่ง นั่งกรรมฐานตลอดแจ้ง ใครว่านั่งแล้วเพลีย ไม่จริง แม่สุ่มทำกรรมฐานเสร็จก็มาทำกับข้าวเลี้ยงลูกหลานอีก แล้วก็เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ เสร็จแล้วเดินจงกรม แล้วเข้าไปนั่งในมุ้ง เพราะยุงมันชุม นั่งตลอดยันตีสี่เลยนะ พอตีสี่ออกจากกรรมฐาน ก็อาบน้ำ ลูบเนื้อลูบตัว หุงเข้า ต้มแกง แล้วไปไถนา ไปเกี่ยวข้าว กลับมาก็มืดค่ำ พ่อฮงก็ไล่วัวไล่ความเข้าบ้าน อาบน้ำแล้วนอนคนละที่ สามีภรรยาคู่นี้เขาไม่ได้นอนด้วยกัน นอนคนละมุ้ง นี่อาตมาต้องขออนุญาตกล่าว เรื่องในครอบครัวนะ แล้วแม่สุ่มก็นั่งกรรมฐาน ไม่ต้องนอนกับใคร ตลอดตีสี่ เข้าผลสมาบัติได้เลยนะ พอออกจากกรรมฐานก็หุงเข้าใส่บาตร วนเวียนเป็นกิจวัตรประจำอยู่เช่นนี้



ท่านสาธุชนทั้งหลายที่เคยอยู่ร่วมกันสมัครสมานสามัคคีสร้างความดีร่วมกันมาเป็นเวลานาน แม่สุ่มได้มาจากไปโดยกะทันหัน แต่เราก็ไม่ได้เศร้าโศกเสียใจแต่ประการใด เพราะไปตามกาลเวลา ตามบัญญัติของชีวิตนั่นเอง ไม่มีใครช่วยใครได้ แต่แม่สุ่มรู้ตัวว่าจะต้องจากโลกไปในเวลาไม่เกิน ๓ ชั่วโมงในวันนั้น อาตมาจึงได้เทศนาชี้แจงเรื่องการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ในปฐมวัย มัชฌิมวัย ปัจฉิมวัย บัญญัติชีวิตเป็นอย่างไร



แม่สุ่ม ทองยิ่ง น้ำได้รำลึกเหตุการณ์ในอดีตได้หลายเรื่อง อาตมาทราบเพราะเป็นคนสอบอารมณ์มา อดีตกาลที่ผ่านมา แม่สุ่มได้บำเพ็ญกุศลมาแล้ว เหมือนอย่างลูกของท่านจะเป็นลูกชายหรือลูกสาวก็ตามที่เรียนหนังสือเก่ง ก็ปรากฏชัดในชีวิตของเขาว่าในอดีตชาติเคยเรียนมาแล้ว มันจึงได้เรียนผ่านได้ไวมาก ท่านทั้งหลายที่มีนิสัยมาแต่ชาติปางก่อน เคยบำเพ็ญทาน ศีล และภาวนามาแล้ว ก็จะเข้าสูภาวะได้ไวมาก ถ้าไม่เคยมาก่อนต้องมาสร้างฐานะกันใหม่ มาปลูกนิสัยกันใหม่ ก็แสนจะยากลำบาก เพราะฉะนั้นคนเราที่จะมาปฏิบัติธรรมนี้แสนจะยาก เอารถไปลากเอาช้างไปฉุดก็ไม่สำเร็จ เพราะเมื่อชาติก่อนนี้เขามิได้มีนิสัยแบบนี้ เขามีนิสัยห่างเหินจากความดี จึงไม่ได้สนใจมาสร้างความดีในชาตินี้



แม่สุ่ม ทองยิ่ง รำลึกเหตุการณ์ได้อย่างดี สามารถเจริญกุศลภาวนาจากวันพระกลับไปบ้านนั่งตลอดถึงตี ๔ ทุกคืนไม่เว้น อันนี้เป็นความจริงที่ขอยืนยัน ตี ๔ แล้วก็ออกจากกรรมฐานผลสมาบัติ ก็หุงข้าวหุงปลาให้แม่ช้อยใส่บาตร พ่อทรัพย์ใส่บาตร แล้วก็ออกนาไปถึงคลองเม่า บางขาม มหาศร คือบ้านหมี่ ทำนาไกลมาก แล้วก็ค่อยเลื่อนมาอยู่หลังบ้าน ทำน้อยลงไป ทำสวน ทำมะปราง มะม่วง ขนุน มากมายก่ายกอง แต่จะทำอะไรก็เป็นหัวหน้าหมด เป็นหัวหน้าครอบครัว โยมฮงเป็นสามีก็เดินหลังไม่ค่อยพูด ไม่พูดเลย แม่สุ่มว่าอย่างไรก็ว่าตามกัน เราจะเป็นว่าถ้าคนใดมีวิสัยจะบวชเป็นพระภิกษุ จะเป็นอุบาสก อุบาสิกา มักจะมีความเป็นผู้นำ อยากจะทำอยากจะช่วย อยากจะหนุน อยากจะลอง ประคับประคองจิตใจของตนและบุคคลอื่นด้วย มีอัธยาศัย มีมนุษยสัมพันธ์อย่างดี คนที่ไร้นิสัยไม่มีติดมาแต่ชาติก่อนแล้ว มาในชาตินี้จะสร้างนิสัยให้ดีเหมือนคนอื่นต้องการความดีก็แสนจะยากมาก ไม่มีโอกาสจะดีได้



นิสัย แปลว่า แบบอย่าง บางคนมีนิสัยที่ดีติดพ่อติดแม่มา ทำอะไรก็เรียบร้อย เหมือนน้ำย้อย (กระ) บอกตาล คนเราขาดนิสัยปัจจัย จะเชิญชวนอย่างไรก็หมดโอกาสเสียแล้ว ไม่มีโอกาสแน่นอน ไม่ใช่ผู้ที่จะมาปฏิบัติธรรมนี้จะมาได้ง่าย หรือนึก ๆ ว่าจะมาก็มาตามเขา ก็คงไม่ใช่ ถ้าท่านขาดนิสัยปัจจัย จะเชิญชวนอย่างไรก็หมดโอกาสเสียแล้ว ไม่มีโอกาสแน่นอน ไม่ใช่ผู้ที่จะมาปฏิบัติธรรมนี้จะมาได้ง่าย หรือนึก ๆ ว่าจะมาก็มาตามเขา ก็คงไม่ใช่ ถ้าท่านขาดนิสัยจากชาติก่อน ท่านไม่ได้มีศรัทธามา ไม่มีความเชื่อขาดความเลื่อมใสในจิตใจแล้ว ท่านจะหาโอกาสได้ยาก เพราะผัดวันประกันพรุ่งกระทั่งตาย จะชวนมาอย่างไรก็ไม่มีทาง อาตมาจึงไม่เชิญชวนบางคนเลย จะไม่ขอชวน เพราะดูหน้ารู้ชาติก่อนไม่มีนิสัยมา ชวนอย่างไรก็เสียเวลาเปล่า เสียวาจาที่กล่าวสัตย์ไปแล้ว เขาก็จะผัดวันประกันพรุ่ง โดยเสียแค่นไม่ได้ โดยที่นับถือหลวงพ่อวัดอัมพวัน ก็ว่าโอกาสหน้าฉันจะมา จนบัดนี้ตายไปแล้ว โอกาสหน้าก็ยังไม่มา แต่มาเลยทีเดียวก็โดยเอาแตรแห่มา มาที่ไหน มาที่เมรุ



แม่สุ่มปฏิบัติกรรมฐานจนได้ผลสมาบัติ การนั่งผลสมาบัติได้นั้นคล้ายว่า ๓ ชั่วโมง ๒ ชั่วโมง แต่ผ่านไปแล้ว ๒๐ ชั่วโมง หรือ ๑๐ ชั่วโมงนี้เหมือนนั่งชั่วโมงเดียว หมอชลอ ๘๔ ชั่วโมง สามารถรำลึกชาติ ชาติก่อนที่เป็นลูกมอญอยู่ราชบุรีขายโอ่ง ไปฆ่าเขาตายที่น้ำตกเขาเอราวัณ ต.ท่าพุทรา อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ตัวเองก็ต้องไปตายตรงนั้นเช่นเดียวกันที่ไปฆ่าเขามาเช่นนั้น



เมื่อแม่สุ่มเข้าผลสมาบัติได้ ๒๔ ชั่วโมง ก็ระลึกเหตุการณ์ในชีวิตเมื่อครั้งอดีตชาติได้ ตั้งแต่วัดศรีสาคร แล้วก็สมภารวัดศรีสาครเป็นอะไรมา คนโน้นเป็นอย่างโน้น คนนี้เป็นอย่างนี้ ต้องมารับกรรมตรงไหน ถูกต้องตามตำราทุกประการ



ผลแห่งการนั่งสมาธินี่ ออกแล้วมันมีกำลังเข้มแข็ง เรานอนไม่ได้เต็มตื่นเต็มตา ตื่นขึ้นมาก็เพลียละเหี่ยใจ แต่สมาธินี่ไม่มีการง่วงนอน และมีกำลังไปเกี่ยวข้าว มีกำลังไปไถนาได้



ปี ๒๕๒๖ ถึงวาระของแม่สุ่มจะต้องจากโลกมนุษย์ไป แต่แม่สุ่มก็ไม่ย่อท้อในความตาย เพราะรู้ตาย เรียนตายมาแล้ว เตรียมตัวก่อนตายมานานแล้ว มาขอกราบนมัสการลาในปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ไปสู่สัมปรายภพ ถ้าสามารถจะไปสู่มรรคผลนิพพานได้ก็จะไป เริ่มต้นเป็นพระโสดาบันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาตามลำดับ แม่สุ่มเป็นคนไม่พูดไม่จา ไม่ในใจกับเรื่องบ้าบอคอแตกของใครใด ๆ ทั้งสิ้น อาตมาจึงได้คิดว่าก็ควรจะอยู่กับเราได้ หลังจากอาตมาก็มรณภาพ วันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๑ ห่างจากแม่สุ่ม ๕ – ๖ ปี โดยรถชนคอหักตาย แม่สุ่มก็รู้เหมือนกัน อาตมาก็ขอลาญาติโยมไปสู่ภพใหม่ต่อไป



๑๔ ตุลาคม ๒๕๒๑ เวลา ๑๒.๔๕ น. จึงได้ช่วยแม่เตียงและพวกผู้หญิงมานั่งกรรมฐาน อาตมาจะจากไปแล้ว พอใกล้วันที่ ๑๔ ก็ไล่พวกโยมผู้หญิงออกไป เรียกโยมผู้ชายเข้ามา เช่น โยม พ.ท.วิง รอดเฉย โยมธวัช ที่เราเรียกว่า ลุงบุญ ต้องการเอาโยมผู้ชายหามศพอาตมาเข้าวัด โยมผู้หญิงจะได้ไปเตรียมทำกับข้าวมาเลี้ยงในงานศพของอาตมา เตรียมแผนไว้ แต่แล้วก็ผิดแผนไป ขอถึง ๑๔ ตุลาคม ๑๒.๔๕ น. รถก็ชนคอพับไป โยมที่มาอยู่ที่วัดก็พากันไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล ก็ออกจากกรรมฐานกันไปหมด หมอก็บอกให้กลับวัดเตรียมหาปี่พาทย์มอญได้ อันนี้ก็ขอไม่เล่าเพราะมันจะซ้ำซ้อนกัน



๕ ปีให้หลังมา โยมสุ่มก็จะต้องตาย เป็นมะเร็งวาระสุดท้าย กินปอดหมดแล้ว อาเจียนเป็นเลือด อุจจาระเป็นเลือด เราก็มานึกเหตุการณ์ของวาระจิต คือ บัญญัติของชีวิตนี้เป็นประการใด บางคนไปหาหมอดูว่าจะมีอายุยืนถึง ๙๐ อาจจะตายภายใน ๕๐ ปี ๒๐ ปีก็ได้ บางทีหมอดูบอกว่าต้องตายอายุแค่นี้ อาจจะอยู่ถึง ๙๐ ปีก็ได้ ไม่แน่นอน เพราะกรรมมาตัดรอนก็เป็นไปได้ บุญกุศลช่วยให้เราจากโลกไปไวก็ได้ ที่มีเวรกรรมอยู่ด้วยความลำบากกว่าจะตายก็มีมากหลาย นานอยู่ นานแก่ นานแย่ นานด้วยกฎแห่งกรรมก็ได้ บางคนมีบุญวาสนาอยู่ได้ไม่นาน ต้องจากไปในเวลาอันสมควรเหมือนกัน อาตมาจึงไปรับแม่สุ่มมาอยู่ที่นี่แล้วให้บำเพ็ญกุศลอย่างหนัก นั่งเจริญสมาธิผลสมาบัติเป็นประจำ โรคภัยไข้เจ็บก็เริ่มหายเริ่มดีขึ้นมาตามลำดับ อยู่ได้ ๑๕ ปีพอดี ในปีนี้



ขอเจริญพรท่านสาธุชนทั้งหลาย เจริญกรรมฐานดีที่สุด ไม่มีอะไรดีกว่าการเจริญพระกรรมฐานแล้ว กรรมฐานแก้ปัญหาชีวิตได้ ระลึกชาติของชีวิตได้ รู้กฎแห่งกรรม มันก็ไม่ยากถ้าท่านทำได้ แต่ท่านมีนิสัยไหม เมื่อชาติก่อนท่านไม่มีก็ไม่เป็นไร สร้างนิสัยใหม่ได้ เมื่อชาติก่อนเราไม่เคยเรียนหนังสือมา เราก็เรียนช้าหน่อย เราก็มานะบากบั่น เพียรมาก อดทนเข้า ก็สามารถสำเร็จได้ จบได้เหมือนกัน แต่ก็อาจจะช้าไปถ้าเมื่อชาติก่อนเราไม่ได้เรียนสะสมเข้าไว้ เหมือนบุญนี้เราไม่ได้สะสมเข้าไว้ เรามาสะสมทีหลังก็ช้ากว่าเขา แต่ไม่เป็นไร สะสมทีละเล็กทีละน้อย ทีละหยดทีละหยาดก็สามารถเต็มกระจาดเต็มหาบเต็มไหเต็มกระบอกได้ ปัญหาคืออย่าให้กระบอกรั่ว อย่าให้ตุ่มมันรั่ว



แม่สุ่มได้จากไปแล้ว เราก็จะต้องจากกันไป ตามกันไปเป็นแถว ๆ เหมือนกัน อย่าไปแซงคิวกันนะ ไปตามคิวเข้าใจไหม บางคนไม่รู้จะรีบไปไหน แซงคิวกันไปเลย แต่ท่านทั้งหลายอย่าประมาท อย่าพลาดโอกาสสร้างความดีงาม เจริญกรรมฐานดีที่สุด ไม่มีอะไรดีกว่าการเจริญกรรมฐาน ก็ขอฝากข้อคิดไว้ด้วย...







ประวัติคุณแม่สุ่ม ทองยิ่ง



อาจารย์เมือง ทองยิ่ง



คุณแม่สุ่ม ทองยิ่ง หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักในนาม แม่ใหญ่ นั้น เป็นบุตรของพ่อทรัพย์ แม่ช้อย บรรจบราษฎร์ เกิดเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๖ ที่บ้าน ต.ต้นโพธิ์ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี



แม่สุ่ม สมรสกับ นายฮง ทองยิ่ง มีบุตรธิดารวม ๓ คน คือ



๑. นางระเบียบ ผิวสะอาด ถึงแก่กรรม



๒. นางละมัย รุ่งสว่าง



๓. นายเมือง ทองยิ่ง



แม่สุ่ม เกิดในตระกูลผู้ใฝ่ในธรรมะ จึงใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนาตลอดมา มีความขยันขันแข็งในอาชีพเกษตรกรรม จนมีฐานะดีพอสมควร



แม่สุ่ม เริ่มสนใจการปฏิบัติธรรมตั้งแต่อายุ ๓๘ ปี โดยการติดตามแม่ช้อย และญาติผู้ใหญ่หลายท่านมาปฏิบัติธรรมในแนววิปัสสนากัมมัฏฐานกับหลวงพ่อจรัญ สมัยที่ท่านยังอยู่ที่วัดพรหมบุรี จนกระทั่งหลวงพ่อได้รับแต่งตั้งและย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดอัมพวัน ก็ติดตามมาปฏิบัติกัมมัฏฐานทุกวันพระมิได้ขาด ซึ่งสมัยนั้นต้องพายเรือมาวัดไกลจากบ้านถึง ๘ กิโลเมตร แม่สุ่ม ทุ่มเทกับการปฏิบัติกัมมัฏฐานอย่างจริงจัง มีความเพียรเป็นเลิศ เริ่มปฏิบัติตั้งแต่ ๒ ทุ่ม ถึง ตี ๔ ทุกคืน ตอนกลางวันต้องออกไปทำงานกลางทุ่ง ปฏิบัติเช่นนี้มิได้ขาดอยู่นานหลายปี จนสามารถนั่งสมาธิได้ก้าวหน้ากว่าทุกคน เมื่อฝึกสมาธิได้แก่กล้า เข้าฌานสมาบัติได้ สามารถนั่งสมาธิเข้าผละสมาบัติได้นาน ๓๐ ชั่วโมง หลวงพ่อบอกว่า แม่สุ่ม มิใช่จะเพิ่งปฏิบัติกัมมัฏฐานในชาตินี้เท่านั้น แต่ได้สร้างสมบารมีมาหลายชาติแล้ว ความเพียรพยายามของแม่สุ่ม นับเป็นอุทาหรณ์สำหรับนักปฏิบัติธรรมทั้งหลายเป็นอย่างดียิ่ง



เมื่อเดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๖ แม่สุ่ม ได้ป่วยเป็นน้ำท่วมปอด ไปรับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลโรคทรวงอก จ.นนทบุรี และที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบว่า แม่สุ่ม เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย คือ มะเร็งได้ลุกลามจนถึงเยื่อหุ้มปอดข้างซ้ายแล้ว หมอบอกว่าถ้ารักษาโดยการฉีดยาจะอยู่ได้ถึง ๙ เดือน ถ้าไม่รักษาจะอยู่ได้ไม่เกิน ๕ เดือน เห็นว่าถ้ารักษาก็ไม่มีประโยชน์มากนัก หลวงพ่อจรัญ ท่านจึงบอกให้แม่สุ่มย้ายมาอยู่ที่วัดอัมพวันตลอดไป เพื่อสะดวกในการดูแลรักษา และมอบหน้าที่ให้ช่วยสอนในฝ่ายปฏิบัติกัมมัฏฐานตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา



เนื่องด้วย แม่สุ่ม ได้ทุ่มเททั้งชีวิตให้กับงานฝึกอบรมผู้ปฏิบัติธรรมของหลวงพ่อจรัญ อย่างจริงจัง จนเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจของหลวงพ่อ จึงได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าฝ่ายฝึกอบรมกัมมัฏฐานของพวกผู้ใหญ่ และได้รับชื่อใหม่ว่า แม่ใหญ่ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของผู้ปฏิบัติธรรมทุกคน



แม่ใหญ่ ได้อุทิศชีวิตนี้เพื่องานเผยแผ่พระศาสนาของหลวงพ่อจรัญ อย่างจริงจัง ผู้ที่แม่ใหญ่ห่วงใยที่สุดคือ หลวงพ่อ จึงทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อความสบายใจของหลวงพ่อเท่านั้น มีงานที่จะต้องดูแลฝ่ายปฏิบัติกัมมัฏฐานอยู่มาก จนแม่ใหญ่ลืมไปว่า หลวงพ่อช่วยต่ออายุมาให้นานเกือบ ๑๕ ปีแล้ว ในระยะหลัง ๆ พละกำลังเริ่มลดน้อยถอยลงเรื่อย ๆ แต่แม่ใหญ่ก็ยังคงพาคณะปฏิบัติกัมมัฏฐานไปเข้าโบสถ์และขึ้นศาลาทุกวันมิได้ขาด จนกระทั่ง เมื่ออังคารที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งเป็นวันพระ แม่ใหญ่พาคณะกัมมัฏฐานเข้าสมาทานพระกัมมัฏฐานและฟังหลวงพ่อเทศน์ในตอนบ่ายที่ ศาลาหอประชุมภาวนา-กรศรีทิพา เหมือนทุก ๆ วันพระ ซึ่งในวันนั้นหลวงพ่อได้เทศน์เน้นเกี่ยวกับเรื่อง ปฐมวัย มัชฌิมวัย ปัจฉิมวัย และการหมดอายุ เหมือนกับจะบอกให้ แม่ใหญ่รู้เป็นนัย ๆ ซึ่งแม่ใหญ่ก็คงทราบความหมายเป็นอย่างดี เมื่อหลวงพ่อเทศน์จบ เวลาประมาณ ๑๘.๐๐ น. แม่ใหญ่รีบเดินกลับห้องพัก และทันทีที่ไปถึงห้องพักก็อาเจียนออกมาเป็นเลือดจำนวนมาก ท่ามกลางความตกใจของทุกคนที่ช่วยกันดูแลอยู่นั้น แม่ใหญ่เข้าสมาธิแล้วแน่นิ่งไป และสิ้นลมหายใจในเวลาต่อมา รวมสิริอายุได้ ๘๔ ปี ๖ เดือน



การจากไปของ แม่ใหญ่ อย่างกระทันหัน ยังความโศกเศร้าเสียใจ แก่บุตร หลาน และลูกศิษย์ทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลวงพ่อ ซึ่งเหมือนได้ขาดแขนขวาไปทีเดียว เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งคุณงามความดีของแม่ใหญ่ จึงเห็นพ้องต้องกันว่าจะนำเงินที่ผู้มีเกียรติทุกท่านร่วมทำบุญในงานศพของแม่ใหญ่ทั้งหมด จัดตั้งเป็นมูลนิธิเพื่อการฝึกอบรมผู้ปฏิบัติกัมมัฏฐานของแม่ใหญ่ และในการนี้พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชสุทธิญาณมงคล ได้เมตตารับเป็นเจ้าภาพจัดงานศพให้อย่างสมเกียรติ







ด้วยอำนาจแห่งบุญกุศล ทาน ศีล และภาวนา ที่คุณแม่สุ่ม ทองยิ่ง ได้สร้างสมบำเพ็ญบุญกุศลมาตลอดชีวิตแล้วนั้น จงบันดาลส่งผลให้ดวงวิญญาณของ คุณแม่สุ่ม ทองยิ่ง จงไปสู่สุคติภพ ด้วยเทอญ.







ความเสื่อม และ การหมดอายุขัย



(ธรรมะจากหลวงพ่อที่แม่ใหญ่รับฟังเป็นครั้งสุดท้าย)



พระราชสุทธิญาณมงคล

๒๗ มกราคม ๒๕๔๑





ในวันธรรมสวนะเช่นในวันนี้ ท่านพุทธศาสนิกและพุทธบริษัท อุบาสก อุบาสิกา ทั้งฝ่ายบรรพชิตและคฤหัสถ์ มาสร้างกำไรชีวิต มาบำเพ็ญกุศลในวันพระ แสวงหาความดีให้จิตใจของท่าน ให้เบิกบานหรรษา ได้ฟังธรรม เจริญพระกรรมฐาน บำเพ็ญทาน ศีล และภาวนา เป็นต้น เป็นนิยมกาลของท่านเองโดยเฉพาะ ท่านสาธุชนทั้งหลายจะหาโอกาสอย่างนี้ได้ยากมาก



อะไรเอ่ย? มันไวเหลือเกิน ตามไม่ทัน ก็คือ เวลา นี่เอง มันไวมาก ถ้าท่านคิดทบทวนดู ท่านจะรู้ได้ว่า เวลาไวมาก หนุ่มสาวไวมาก เจริญวัยชันษาก็ไวมาก บัดนี้เข้าปฐมวัย บัดนี้เข้ามัชฌิมชัย บัดนี้ไปปัจฉิมวัยแล้ว เฒ่าชะแรแก่ชราไวมาก



วัย ตัวนี้แปลว่าอะไร? แปลว่า ความเสื่อม ที่เราเรียกว่าเจริญวัยชันษา วัยตัวนี้เป็นภาษาบาลี แปลเป็นภาษาไทยว่า ความเสื่อมนั่นเอง แต่เราก็เสื่อมมาแล้ว ตั้งแต่ปฐมวัย คลอดออกจากคัพภาของมารดาร้องอุแว้ อุแว้ แบเบาะ กำมือแน่น นี่ของกู และนี่ก็ของกูตลอดรายการ ก็เข้าไปสู่ ๒๕ ปี เบญจเพศแล้ว เลย ๒๕ ปีย่างเข้า ๒๖ ปี วัยอีกแล้ว วัยเสื่อม เข้าสู่มัชฌิมวัย ตั้งแต่ ๒๖ ปี ถึง ๕๐ ปี เลข ๕ ขึ้นไปแล้วเป็นปัจฉิมวัย วัย ตัวนี้แปลว่า ความเสื่อมโทรมของร่างกายและสังขาร ไม่มีอะไรแน่นอนเลย ท่านสาธุชนทั้งหลาย อย่าละเลยเรื่องบำเพ็ญจิต อย่าละเลยเรื่องสติปัญญา อายุเลย ๕๐ ปีไปแล้ว ท่านจะเข้าสู่ปัจฉิมวัยไปจนกระทั่งวันตาย ไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว ขากลับไม่ใช่กลับมาทางเดิมแล้ว ต้องกลับซ้ายเวียนขวากลับซ้าย เวียนซ้ายกลับขวา เราจะเห็นได้ว่า เดินเข้าโบสถ์เวียนไปทางนี้ จะกลับบ้านก็ต้องเวียนที่เมรุนั่น เวียนกลับไปสู่บ้านของท่านตามเดิม ออกประตูเกิดแล้วต้องไปออกประตูตาย เสื่อมโทรมไปตามสภาพของสังขารและร่างกาย ท่านสาธุชนทั้งหลาย โปรดพิจารณาข้อนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อสักครู่นี้เอง ยังอยู่ตอนเช้าตี ๕ โยมนุ่งขาว อุบาสกอุบาสิกา ก็มาใส่บาตรกันเป็นแถว เดี๋ยว ๑๑ โมง พระสงฆ์องค์เจ้าต้องฉันเพลอีกแล้ว ชามยังไม่ทันแห้งเลย มันไวถึงขนาดนี้ วัย คือ เสื่อม ไม่ใช่วัยเจริญ โปรดจำไว้ข้อนี้ ไม่ใช่เรื่องเล่น เพลเมื่อสักครู่นี้เอง เดี๋ยวพระอาทิตย์จะเลี้ยวลับ ชายมะพลับเข้าสู่เวลาพระอาทิตย์อัสดงแล้ว พี่น้องหญิงชายที่รักทั้งหลาย ท่านจะถอยกลับเสื่อมไปตามสภาพจากปฐมวัยของท่านเข้าไปสู่มัชฌิมวัยกลางคน ท่านก็จะเสื่อมลงไปเรื่อย ๆ กระทั่งที่ปัจฉิมวัยแล้ว อายุขึ้นเลข ๖ เลข ๗ แล้ว แย่แน่เสื่อมวัยตายได้ทันที ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเสื่อมแล้วก็ต้องตาย ไม่แน่นอน แล้วแต่กรรมมาตัดรอนบ่อนทำลายชีวิต อาจจะตายเมื่อเป็นเด็กในปฐมวัย อาจจะมาตายเมื่อมัชฌิมวัยก็ได้ อาจจะไปตายปัจฉิมวัยก็ได้ แก่ตายหมดเวลา หมดทั้งไส้หมดทั้งน้ำมัน คือ ตะเกียง ไส้ก็หมด น้ำมันก็หมด หมดทั้งเวรหมดทั้งกรรม กิจกรรมก็หมดไปเหลือแต่ดวงตะเกียง ไม่มีไส้ ไม่มีน้ำมันแล้ว ก็หมดไปตามสภาพของเขาด้วยอายุขัยเช่นนี้



พี่น้องที่เป็นปฐมวัยกำลังเข้าไปสู่วัยหนุ่มและสาว ๒๕, ๒๖ โปรดระวัง โปรดอย่าประมาท อย่าพลาดอย่าละเลยโอกาสอันดีของท่าน รีบสร้างความดีเสียบัดนี้ได้ไหม รีบเข้าวัด ๓ วัดให้จงได้ วัดอารมณ์ วัดจิต วัตถุธรรม ตั้งสติกรรมฐาน ดำรงมั่นเจริญจิตภาวนา ท่านจะได้มรรคได้ผล จะได้อานิสงส์สมความมุ่งมาดปรารถนาแน่นอน ท่านอย่าประมาทนะ คิดว่าเราจะไม่ตาย อาจจะตายคืนนี้ก็ได้ กรรมมาตัดรอนก็ได้ เราก็ไม่สามารถทราบได้ว่าเวรกรรมตามสนอง สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมอย่างนี้แหละหนอ ไม่มีอะไรมาตัด เราตัดรอนด้วยกรรมจากการกระทำครั้งอดีตชาติ วิบากกรรม และกรรมที่ทำไว้ในปัจจุบันสามารถจะบั่นทอนในอนาคตให้เราจากโลกไปโดยไม่ทราบ โดยไม่เข้าใจ โดยไม่รู้ตัวก็มากหลาย



นี่แหละท่านสาธุชนทั้งหลาย โปรดได้พิจารณาข้อนี้ให้มากที่สุด และวันนี้เป็นกรณีพิเศษของวันพระที่คนไทย สัญชาติจีนได้ถือโอกาสขึ้นปีใหม่บูชาบรรพบุรุษในวันนี้ มีทั่วโลก ที่คนสัญชาติจีนอยู่ที่ไหน จะอยู่เอเชีย ยุโรป สหรัฐอเมริกา ก็ต้องไหว้ เป็นประเพณีนิยม ไหว้บรรพบุรุษ ปู่ ย่า ตา ยาย ไหว้กราบทุกโอกาสที่มีในวันนี้เวลานี้ ถึงหากว่าเราท่านทั้งหลายเป็นคนไทยสัญชาติจีน ก็ต้องไหว้ ถึงหากว่าท่านทั้งหลายมิใช่สัญชาติจีน แต่เป็นคนไทยแท้ พ่อไทย แม่ไทย ลูกก็ไทย ก็ต้องไหว้ ไม่มีใครพลาด กตัญญูกตเวทิตาธรรม ไม่ผิดแผกแตกต่างกันได้แต่ประการใด



องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายืนยันและรับรอง ผู้ใดมีกตัญญูกตเวทิตาธรรม ไม่ลืมพระคุณบุพการี คนนั้นจะมีทางเดินเจริญก้าวหน้าไม่เสื่อม จะรวยเป็นเศรษฐีมั่งมีศรีสุข คนที่ไม่มีกตัญญู ไม่มีบุพการี ชีวิตจะไม่มีแก่นสาร ในวันนี้ควรจะระลึกถึงกตัญญูกตเวทิตาธรรม นึกถึงบุพการี เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย ที่ได้สร้างสมบัติพัสถานให้เรามา ไม่จำเป็นต้องเป็นคนจีน คนไทยก็ระบึกทุกวันพระ วันโกน เตรียมการวันพระกัมมัฏฐาน รำลึกถึงบุพการีกตัญญูกตเวทิตาธรรม ไม่จำเป็นต้องเป็นวันตรุษจีน ทุกวันพระทำได้ทุกเวลา พระพุทธเจ้าสอนว่า สุนักขัตตัง สุมังคะลัง สุปะภาตัง เป็นต้น ไม่จำต้องเฉพาะตรุษจีน หรือวันขึ้นปีใหม่ หรือจำเพาะวันสารท แต่ประการใด วันโกน วันพระสำคัญมาก วันดีเราก็ไม่ละ วันพระเราก้อย่าเว้นความดี แต่เป็นที่น่าเสียดายเหลือเกิน ท่านสาธุชนทั้งหลาย พระพุทธเจ้าทรงแสดงย้ำเติมเสริมให้เราเข้าใจอีก วันดีของเรานั้นมีทุกวันทุกเวลา อย่าพลาด อย่าประมาท อย่าละโอกาสอันดีงาม อย่าประมาทชีวิต ทุกเวลาเราก็ทำความดีได้ กตัญญูกตเวทีทุกหน้าที่และการงาน ทุกเวลาได้ แต่วันตรุษจีนนี้เป็นประเพณีวันข้นปีใหม่ของคนสัญชาติจีน จะขึ้นปีใหม่หรือไม่ก็ตาม เราก็เป็นคนเก่า ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปดีกว่านี้เลย หากท่านนึกถึงบุพการีที่ได้อุปการะแต่กาลก่อน นึกถึงคุณค่าของความดีอันนี้แล้ว ท่านจะเป็นคนดียิ่งในสังคม ท่านจะเจริญรุ่งเรืองวัฒนาสถาพรแน่นอน จะมีประโยชน์แก่ท่านเองโดยเฉพาะ พระพุทธเจ้าให้ระลึกถึงลมหายใจเข้าออก หายใจเข้ารู้ หายใจออกรู้ เลือดเนื้อเชื้อไขได้มาจากปู่กับย่า ตากับยาย ได้มาจากพ่อแม่ ทั้งสองประการนี้ ถ้าสำนึกชีวิตขึ้นมาว่าชีวิตเรามีค่า เวลามีประโยชน์แล้ว จะนึกถึงบุพการีได้ ท่านทั้งหลายทั้งหนุ่มลาว ท่านมานั่งเจริญกัมมัฏฐานท่านจะนึกอย่างนี้ จะนึกถึงมหาเมตตาใหญ่ นึกถึงบุพการี ท่านร้องไห้ น้ำตาท่านจะร่วง ว่าคิดถึงแม่ คิดถึงพ่อ คิดถึงแน่ ๆ คิดถึงปู่ ย่า ตา ยาย ชาติภูมิ มาตุภูมิของตน ที่มีอุปการะคุณมาแต่กาลก่อน จะคิดถึงสถานที่เป็นแหล่งเกิดความดี จะคิดถึงการประกอบอาชีพการงาน เช่น บริษัทไม่ควรทำลาย จะคิดถึงคุณงามความดีของอาชีพการงานที่เราขายข้าวขายของ ประกอบธุรกิจ ควรจะคิดถึงเขาด้วยที่อุปการะเรามาได้ดิบได้ดีเช่นนี้ จะมีประโยชน์ไม่น้อย เหมือนน้ำย้อยบ่อตาล ทีละหยดทีละหยาดก็เต็มกระบอกได้ ฉันใดก็ฉันนั้น นี่แหละท่านผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ถ้าท่านสนใจในเรื่องของตัวท่าน ท่านจะนึกถึงบุพการีได้เป็นอันดับแรก วันไหว้บรรพบุรุษต้องคิดนะ วันดีไม่ละวันพระไม่เว้น คือสร้างความชั่วอย่างนั้นหรือ ควรสร้างความดีโดยวันดีก็สร้างวันพระก็สร้าง วันดีไม่ต้องละวันพระอย่าเว้นความดี รีบมาวัดสดับพระธรรมเทศนาได้ไหม ไม่มีใครมาวันพระสดับพระธรรมเทศนา ไม่มีใครให้ทานในวันพระ ซึ่งปู่ ย่า ตา ยาย มาคอยรับส่วนบุญ เปรตวิสัย ก็มาอยู่ข้าง ๆ กันเยอะหมด แต่ไม่มีใครมาให้ทานกับเปรตวิสัยที่กำลังมาคอยรับส่วนบุญอยู่ สวรรค์เอ๋ย เทพเจ้าทุกชั้นฟ้ากำลังเปิดม่านฟ้าดูประชาชนชาวโลก ว่าวันนี้ใครจะทำบุญอะไรบ้าง โลกสวรรค์โลกนรกปิด หยุดการงานหน้าที่ ให้สร้างความดี เมืองนรกหยุดงาน มีหลักฐานที่ไหนยืนยัน มีหลักฐานที่ยายสอิ้ง กับตาปุ่น (ดูกฎแห่งกรรม – ธรรมปฏิบัติเล่ม ๑ หน้า ๖๖ – ๗๔) มาสร้างกุฏิกรรมฐาน ๘๐ บาท โดยโยมเล็ก สุกใสพงษ์ ทายกที่วัดนี้เป็นผู้สร้าง ราคา ๘๐ บาทเท่านั้น เป็นพยานว่าอยู่เมืองนรกมาวันโกนวันพระโดยเขาให้หยุดไม่ต้องทำโทษ วันดีมีปัญญาวันสวรรค์ก็ให้หยุด แต่เราเมืองมนุษย์มาหยุดวันเสาร์วันอาทิตย์ หลักฐานที่ยืนยันได้ที่วัดนี้ หญิงสองร่างนางสองชาติ เป็นหลักฐานที่ยืนยันได้แน่ชัดมาก เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๐ กาลครั้งนั้น อาตมาก็มาอยู่นี่ในปี พ.ศ. ๒๔๙๙ เป็นกุฏิหลังแรกที่วัดนี้ เรียกว่ากุฏิกรรมฐาน ไม่ขอกล่าวให้ยืดยาวในโอกาสนี้



จะกล่าวเรื่องบุพการีกับความดีในกรรมฐาน ท่านจะนึกถึงบุพการีด้วยความซึ้งใจ น้ำตาท่านจะร่วง คิดถึงแม่คิดถึงพ่อ หรือปู่ ย่า ตา ยาย อย่างนี้เป็นต้น นับประสาอะไรกับเด็กตัวนิดเดียว ชื่อเด็กหญิงทัศนีย์ แม่เป็นโรคมะเร็ง มีศรัทธามั่น ไม่มีใครบอกไม่มีใครเชิญชวนแต่ประการใด เป็นเด็ก ม.๑ โรงเรียนสงวนหญิง จ.สุพรรณบุรี มาปฏิบัติธรรมที่นี่ นักเรียน ม.๑ เท่านั้น มีความคิดสูง พอนั่งได้ ๓ วัน วันที่ ๔ จะกลับน้ำตาร่วง “เรียนให้หลวงพ่อทราบขออยู่ต่อสัก ๗ วันได้ไหม แม่หนูเป็นโรงมะเร็งวาระสุดท้ายต้องตายแน่นอน หนูยังไม่ได้แทนคุณแม่คุณพ่อเลย แม่ก็จะมาตาย หนูจะอยู่กับใครเล่า” เรานี่นะตื้นตันใจจริง ๆ หนูจะอยู่กับป้าก็ไม่เหมือนแม่ นี่แหละท่านฟังแล้วคิดหน่อย เด็กยังมีความคิด เดี๋ยวนี้คนโตไม่ค่อยคิด เด็กคนนี้พูดลึกซึ้งมาก “หลวงพ่อคะ จะอยู่กับใครก็ตามนะคะ สู้อยู่กับพ่อกับแม่ของเราไม่ได้เลย” คำนี้สิซึ้ง เป็นความคิดของเด็กในวัย ม.๑ ชัดเจนที่วัดอัมพวันเมื่อกาลครั้งนั้น ๕ – ๖ ปีมาแล้ว นี่แหละขอเจริญพรว่ากรรมฐานให้เกิดปัญญาได้ เด็ก ม.๑ เกิดปัญญาใช้ได้แล้ว เด็กโตไม่ค่อยเกิดปัญญา นั่งกรรมฐานมัวไปคุยกันสรวลเสเฮฮา ท่านจะไม่ได้ผล ท่านจะไม่ลึกซึ้งแต่ประการใด ต้องตัดปลิโพธคือความกังวล อย่าไปห่วงใยใครได้ไหม อย่าคิดหลายเรื่องในเวลาเดียวกัน จงคิดแต่เรื่องเดียว เอาหลายเรื่องในเวลาเดียวกัน ท่านจะสับสนอลหม่าน จิดใจท่านจะไม่เป็นสมาธิ



ความรักของพ่อแม่นี่ยุติธรรมบริสุทธิ์มากไม่หวังผลตอบแทนกับลูกแน่นอนที่สุด ลูกจะตอบแทนหรือไม่ พ่อแม่ไม่เคยว่าอะไร ถ้าท่านมีลูกท่านจะรู้ได้ ถ้าท่านไม่มีบุตรธิดาท่านจะไม่รู้เลย ถ้าท่านเป็นหนุ่มเป็นสาวจะไม่รู้เรื่องนี้แน่นอน อะไรหนอจะอบอุ่นเท่าตักแม่เรา อะไรหนอจะอบอุ่นเท่าวงแขนของพ่อเราไม่มีอีกแล้ว วงแขนของสามีภรรยาจะอบอุ่นเท่าวงแขนของแม่ไหม ท่านไม่ได้นั่งกรรมฐานท่านคิดไม่ได้ ท่านเคยว่าแม่ นินทาพ่อ ลองมานั่งกรรมฐานให้ได้ผลได้มรรค รับรองท่านจะร้องไห้ ว่าเราไม่น่าจะคิดกับแม่อย่างนี้ ไม่น่าจะคิดกับพ่ออย่างนี้เลย มันจะออกมาตามทำนองธรรม ท่านนึกถึงบุพการีคือกตัญญูกตเวทิตาธรรม ต้องได้เป็นข้อแรกของกรรมฐาน ถ้าไม่เกิดอย่างนี้ท่านนั่งกรรมฐานไม่ได้ผล มานั่งจะไปสวรรค์ นิพพาน ไปบวชชีพราหมณ์ตามวัดกันอย่างนั้นหรือ มีแต่วิทยากรเทศน์กันไม่พัก ติดกัณฑ์เทศน์ไม่พัก อาตมาไม่นิยม อย่างถวายซองก็ไม่นิยม นิยมให้สร้างธรรมะ สร้างพระไว้ในใจให้มากที่สุด แต่ปัจจัยที่ทำบุญเป็นประเภท ๒ ทาน ศีล ภาวนา อาจจะเป็นประเภท ๒ ได้ นี่แหละบุพการี



พระพุทธเจ้าสอนกตัญญูกตเวที ในโลกนี้หายาก คนที่ระลึกถึงบุญคุณนี้ไม่ค่อยจะมี ท่านสอนไว้ชัดก็คือ บุพการีหมื่นพันคน จะมีสักคนที่ลึกซึ้งเข้าไปถึงเหตุการณ์เช่นนี้ รู้แต่ว่าชายเป็นพ่อหญิงก็เป็นแม่ แต่ไม่รู้เลยน้ำใจของพ่อน้ำใจของแม่เป็นประการใด ในบุพการี คนจีนเขาจึงขลังมากไหว้บรรพบุรุษ เช่นในตรุษจีนเช่นในวันนี้นั้น เขาจึงน้อมไหว้ เอาเครื่องเป็ด ไก่ ขนมเข่ง ขนมเทียน ตามประเพณีจีนมาไหว้กันมากมาย ถึงหากว่าจะผิดธรรมบางอย่าง เช่น พ่อแม่ชอบสุรายาเมา ก็สุรายาเมามาบูชาพระคุณ เป็นการกตัญญูเหมือนกันแต่ก็ไม่ผิดอะไรมากหลาย แต่เราอย่าไปกินเหล้าให้มันเมาก็แล้วกัน เอาเป็นประเพณีเป็นวัตถุ เป็นสมมติบัญญัติ เพื่อไม่เป็นการทำลายน้ำใจพ่อแม่ อย่าไปดื่มเหล้าเสียเองก็จะไม่เป็นบาป เป็นการบูชาอย่างลึกซึ้ง ถึงพ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ ท่านชอบอย่าไปขัดคอท่าน เราหานโยบายอื่นให้ท่านทำบุญ ให้ท่านเลิกเหล้าจงได้ อย่าไปว่าพ่อว่าแม่ให้เสียน้ำใจ ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า บัวอย่าช้ำน้ำอย่าขุ่น ขอให้ชีวิตเราอุ่นใจตลอดกาล



วันนี้จะชี้แจงเรื่องกรรมฐานกตัญญูกตเวทิตาธรรม เหมือน ด.ญ. ทัศนีย์ ม.๑ นั้นเห็นชัด คิดถึงแม่แล้ว ถ้าเธอไม่มากับโรงเรียนสงวนหญิงมานั่งกรรมฐานแล้ว เธอจะไม่นึกคิดไม่ออกบอกไม่ได้เพราะยังเด็กยังเล็กนัก ยังไม่รู้ว่าคุณค่าแม่นั้นเป็นประการใด พอเจริญกรรมฐานเข้าซึ้งใจ ร้องไห้มาหาหลวงพ่อที่กุฏิ บอกว่าหลวงพ่อ ช่วยหนู พูดมีเหตุผล เราตื้นตันจนน้ำตาเราแทบจะไหล ตื้นตันกับเด็กเขาที่รักแม่ของเขาอย่างยอดชีวิตจิตใจ ไม่มีผู้อื่นที่จะรักแม่ที่จะเอาชีวิตแลกแม่ไว้ได้ หลวงพ่อคะหนูนั่งให้มันตายไปเลย เพื่อให้แม่หนูรอด ถ้าแม่หนูรอดได้หนูยอมตายก็ได้ หายากมาก ถึงกับชีวิตแลกกับแม่ได้ ไม่มีที่ไหนแล้ว ท่านบุพการีทั้งหลายเอ๋ย กตัญญูกตเวทิตาธรรมดังเช่นกล่าวแล้ว อาตมายังพูดอยู่เรื่อย เด็กคนนี้แม่ก็เป็นครูโรงเรียนด้วย



บางคนมาถามหลวงพ่อคะแม่ป่วยอยู่ห้อง ไอซียู โรงพยาบาลศิริราช ข่าวเขาลือกันว่ามานั่งแล้วแม่จะหายหรือ ฉันจะลองดูสักวันหนึ่งได้ไหม บอกว่าขอเจริญพรกลับไปเถอะ บอกลองไม่ได้ ที่วัดนี้ลองไม่เป็น ศรัทธาไหม หนูไม่เคยไม่เข้าใจกลับดีกว่า แม่เธอตายหมื่นเปอร์เซ็นต์ มีอย่างนี้เยอะ ไม่ใช่แลกขนมเข่ง เอาสตางค์ไปแลกของในตลาดอย่างนี้หรือ ต้องสร้างความดีด้วยตนเองเช่นดังกล่าว สู้เด็กไม่ได้ บางคนมาพูดจู้จี้จัง บอกไม่เคยเชื่อ หลวงพ่อคะสวดมนต์กี่จบแม่ถึงจะฟื้น พ่อถึงจะหายจากโรค บอกไม่ได้ ไม่ทราบแล้วแต่ศรัทธา จะกี่จบเราไม่ทราบ แต่ให้สวดเกินกว่าอายุจะได้กำไรชีวิต ให้คนที่สวดนั้นเป็นกำไรของชีวิต เอากำไรไปแจกให้คนอื่น ลอกคิดดูค้าขายขาดทุนจะเอาทุนที่ไหนไปให้คนอื่น จะเอากำไรที่ไหนไปให้ใคร จะขาดทุนอย่างย่อยยับใช่หรือไม่ นี่แหละความศรัทธานั้นสำคัญ ทั้งพระสงฆ์องค์เจ้า ทั้งฆราวาส อย่าให้ขาดทุนได้ไหม ให้ได้กำไรทุกวันทุกนาทีได้ไหม มีแต่ขาดทุนทุกวันเสียใจด้วย ขาดทุนเวลา ขาดทุนชีวิตชีวา แล้ววัยก็เสื่อมไปตามสภาพ จะได้กำไรได้อย่างไร หมดเวลาตอนนั้นไม่ได้อะไรที่เป็นคุณค่าของชีวิตแต่ประการใด ก็ขอเจริญพรญาติโยมโปรดได้รับทราบข้อนี้ไว้



วันนี้วันกตัญญูต่อบรรพบุรุษก็ต้องพูดให้เข้าใจ เผื่อท่านจะเป็นไทยสัญชาติจีน หรือจีนสัญชาติไทยก็ไม่ว่ากัน แต่อาตมาคิดว่าจะตรุษจีน สารทจีน หรือตรุษไทย สารทไทย ก็ไม่สำคัญ สำคัญทำทุกวันได้ไหม กตัญญูทุกวันได้ไหม เจริญบุพการี รำลึกถึงคุณของผู้มีพระคุณทุกวันทุกนาทีทุกลมหายใจได้ไหม รำลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าทุกนาทีทองได้ไหมที่มีพระคุณอันล้นเหลือ ถึงพระธรรมที่เราปฏิบัติธรรมตลอดทั้งวินาทีเดียวก็ต้องคิดได้ไหม ไม่จำเป็นต้องมาคิดในวันพระนี้ ได้หรือไม่ประการใด คิดถึงคุณค่าของพระสงฆ์ รัตนะแก้ว ๓ ประการทุกวินาที พาหุงมหากาฯ ทุกวินาที ท่านจะเจริญศรี เจริญหน้าที่การงาน เงินไหลนองทองไหลมา ท่านได้กำไรชีวิต ชีวิตท่านได้กำไร เพราะอารมณ์ท่านดีมีปัญญา ได้จากการเจริญพระกรรมฐานถูกต้องตามครรลองของชีวิตแล้ว ซึ่งแน่นอนที่สุด ไม่มีอะไรจะมั่นคงเท่าหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ตรงนี้น่าคิด พิจารณาตัวเองเถิด ไม่มีใครเขาทำให้ท่านได้หรอก อาตมาก็ช่วยโยมไม่ได้หรอก เพียงแต่แนะแนวตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น แต่คำสอนของพระพุทธเจ้านั้นเราไม่ปฏิบัติก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด จะชี้บอกมรรคมรรคาว่านี่ไปสวรรค์ นี่ไปนรก บอกได้เท่านี้ นี่ไปเป็นเปรต อสุรกาย นี่สัตว์เดรัจฉาน ไปสู่อบายภูมิ นี่ไปทางสู่ทางเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าไปทางนี้ ก้าวเสื่อมไปทางนั้น บอกหนทางได้เท่านี้ แผนที่มรรคมรรคาแต่เราจะเดินไปทางไหน แล้วแต่โยมชอบ โยมไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ทางดีก็กลับเป็นทางชั่ว ทางชั่วก็กับร้ายกลายเป็นทางดี อย่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัว อย่าเห็นความชั่วเป็นความดีเลย จงเห็นกงจักรเป็นกงจักร เห็นดอกบัวเป็นความดีมีปัญญา แสงสว่างก็คือปัญญาญาณ เห็นให้มันคงที่คงวา อย่าต่อหน้ามะพลับลับหลังตะโก ต่อหน้าส้มโอลับหลังส้มเช้ง ควรจะเป็นมะตูมแข็งนอกมะกอกแข็งใน แข็งทั้งนอกทั้งใน อดทนในอดทนนอกด้วยการเจริญสติปัฏฐาน ๔ ท่านจะสร้างความดีทุกวิถีทาง สร้างความดีได้ทุกนาทีทอง ท่านจะประคองไว้ในใจอย่างมั่นคงและถาวร แต่ท่านจะทำได้แค่ไหนอาตมาไม่ทราบของท่าน ข้อได้ข้อเสียอยู่ที่โยมทุกคนที่มาวัด จะขาดทุนอย่างย่อยยับหรือบางคนมาก็ได้กำไรกลับไปชื่นอกชื่นใจ บางคนมาก็ขาดทุนกลับไปเสียใจเวลาที่หมดไปแล้วเรียกคืนไม่ได้ ๗ วันแล้วก็เรียกคืนไม่ได้อีก ไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลย ไม่มีเงินเราก็หาได้ ไม่มีทองเราก็ไปซื้อ ไม่มีบ้านปลูกเราก็ปลูกใหม่ กิจการไม่ดีเราก็เปลี่ยนแปลงมันใหม่อย่าเดินหมากรุกตาเดียว หมากรุก ๖๔ ตา อย่าเดินตาเดียว เปลี่ยนตาเดินเสียบาง มันจะดีขึ้นมาแน่นอน ถ้าเราไม่รู้จักเปลี่ยนแปลงภาวะเช่นนี้แล้ว เราจะไปดีได้อย่างไรหรือ มีแต่จะขาดทุนเวลา ขาดทุนทรัพย์สินเงินทอง ขาดทุนทรัพย์สมบัติ ขาดทุนวิชาความรู้ แถมขาดทุนเวลาที่ผ่านไปแล้วอย่างน่าเสียดาย และเสียใจด้วย ไม่เกิดประโยชน์แต่ประการใด ตรงนี้เป็นเรื่องอจินไตยที่ควรจะคิดถึงกันต่อไป จะมีประโยชน์ของท่านเอง



ท่านทั้งหลายวันนี้ ท่านคิดถึงตัวท่านเองบ้างไหม บรรพบุรุษเป็นคนสร้างเรามานะ น่าจะคิดถึงตัวท่าน มีหัวใจมาจากพ่อ น้ำเลือดน้ำเหลืองมาจากแม่ มาทั้งจากปู่ ย่า ตา ยาย ในตัวคนนั้น ท่านเจริญกรรมฐานได้ดังที่กล่าวแล้ว ท่านจะคิดถึงตรงนี้ นึกถึงบุพการี จะขยันหมั่นเพียรเรียนหนังสือ จะขยันหมั่นเพียรโดยถูกต้อง จะเริ่มต้นในชีวิตให้ดี ทำดีให้มากที่สุด มันจะเกิดอัตโนมัติแก่ตัวท่านเอง ไม่ใช่มานั่งกันจิ้ม ๆ จ้ำ ๆ มาแก้บนกันหรือ เห็นที่นี่เป็นศาลเจ้า ควรจะเป็นศาลเจ้าไคฟง ไม่รับบน โน่นไปหาศาลเจ้าแม่กวนอิม เจ้าพ่อเสือ ศาลเจ้าแม่อะไรนั่น บนกันก้นกระดก ๆ ไม่ต้องทำมาหากิน ไม่ต้องมานั่งกรรมฐาน บนกันไปสวรรค์นิพพาน แต่ที่นี่เป็นศาลไคฟง ท่านอย่ามาบนกันอย่างนั้น ท่านอยากจะบนให้เรียนหนังสือเก่งบนได้เลย ไปจุดธูปกับศาลไคฟง ว่าข้าพเจ้าจะตั้งใจเรียนหนังสือ ไคฟงก็จะบอกว่าตื่นตี ๔ ตั้งใจดูหนังสือต่อไป พึ่งตัวเองให้ได้ ไคฟงเขาจะบอกอย่าไปพึ่งคนอื่นนะ เพราะศาลไคฟงไม่กินเครื่องสังเวย วัดนี้ไม่ใช่ศาลอย่างอื่นนะ เป็นศาลไคฟง ไม่ใช่บน ๗ วัน บน ๓ วัน หรือบน ๗ วัน มาอยู่ ๓ วันกลับไปแล้ว อย่ามาโกหกศาลไคฟงนะ เข้าใจไหม ก็ไม่เป็นไรนะ ศาลนี้ไม่กินเครื่องสังเวย อย่าให้เสียสัจจะนะ ถ้าท่านเสียสัจจะท่านจะลงนรกไปเลย ศาลนี้ไม่รับบน บนอย่างนี้ได้ ถ้าข้าพเจ้านั่งเจริญกรรมฐานอดทนตลอด ๗ วัน ๗ คืน ไม่นอนไม่พูดกับใคร บนก๋วยเตี๋ยว ๕ ชาม พอออกกรรมฐานกินให้มันอิ่มไปเลย นี่ศาลไคฟงไม่ใช่บนกับพระจะเอาจีวรดี ๆ มาถวาย ก็คงไม่ศาลไคฟงหรืออาจจะมีศาลอื่นแทรกอยู่ในศาลไคฟงเราก็ไม่รู้ กินสินบนตลอดรายการ วัดนี้ไม่รับบน โทรศัพท์มาตั้งแต่เช้า บอกจะบวชเป็นพระ สัก ๑๕ วัน บนไว้ บนแบบนี้ศาลไคฟงไม่รับ ไปศาลข้างบ้านคุณ วัดข้างบ้านคุณ ต้องเดือนหนึ่ง เขาโทร.ตอบว่าวัดเขาบวช ๗ วันยังได้ บวช ๓ วันยังได้ หน้าไฟก็ยังได้ ก็ไปบวชซิ นี่ศาลไคฟงบวชต้อง ๑ เดือนได้ไหม ไม่ได้ไปบวชวัดอื่น จะมานั่งกรรมฐานสัก ๗ วันก่อน จะบวชให้เดือนกุมภาพันธ์นี้ ถ้านั่งกรรมฐานไม่ได้ ไปศาลเจ้าแม่กวนอิมนั้น ศาลไคฟงไม่รับนะ จำไว้ให้ได้ มาบนกันเยอะเลยที่วัดเรานี้ ก็ไม่ทราบเหมือนกันยังทายไม่ออกว่า ว่าที่เขาทำกรรมฐานเป็นศาลอะไร ศาลไคฟง หรือศาลเจ้าแม่กวนอิม น่าจะมาสร้างความดีให้แก่ตัวเองเหมือนเด็กเอาความดีให้แม่ได้ไหม อย่าบน บนกับบ่นนี้มันใกล้กัน พอบนไม่ดีแล้วก็ไปบ่น ขอเจริญพรอย่างนั้น มีอย่างหรือจะบวช ๗ วัน เข้าวัด ๕ วันก็บวชอยู่แค่ ๒ วัน ขาดทุนอย่างย่อยยับเลย ที่วัดนี้จะต้องมาอยู่อย่างต่ำ ๗ วัน นี่โทร.มาติดต่อบวชทางโทรศัพท์ นี่อุปัชฌาย์อยู่ไหม กำลังฉันข้าว ให้หยุดฉันข้าวมารับโทรศัพท์ก่อน จะเอาลูกมาบวช นี่ตำราประวัติศาสตร์ต้องบันทึก ขนาดพระองค์นี้จะฉันข้าวบอกให้ท่านมารับสายก่อน จะเอาลูกมาบวช โอ้โฮ ขนาดนี้แล้วหรือ เสียใจด้วย เห็นเราเป็นอะไร อาตมากำลังเขียนหนังสืออยู่ บอกว่าจะเพลแล้วนะ บอกให้ท่านหยุดฉันก่อนมารับสายก่อนทางไกล ส่งลูกมาบวชทางโทรศัพท์ก็ได้ ส่งลูกมาบวชทางไปรษณีย์ก็ได้ EMS ก็ได้ เอาลูกใส่ EMS มาเลย อาตมาเสียใจด้วย คนไม่มีระเบียบมากขึ้นมันถึงได้ยุ่งเหยิง ขาดระบบไม่มีระเบียบไม่เพียบด้วยวินัย เป็นไปมากน่าเสียดายเหลือเกิน ทำให้อาตมาได้ประวัติศาสตร์ต้องบันทึกไว้ เป็นวิทยานิพนธ์ชีวิต เราจะได้คิดต่อไปว่าประเทศชาติเป็นถึงขนาดนี้ ไม่มีความเกรงอกเกรงใจ ไม่เข้าทางตรอกออกทางประตูแล้วหรือ จะมากันบนอากาศเลย มนุษย์ต่างดาวหรือ ที่โทร.มานี่สงสัยเป็นมนุษย์ต่างดาว ถึงขนาดให้เราเลิกกินข้าว มีแปลก ๆ ท่านอยู่ไหมวันนี้ จะให้รับสังฆทานหน่อย จะรับตอนไหน สละเวลาให้เราหน่อยซิ แล้วจะพูดส่วนตัวสัก ๓๐ นาที ที่ไม่มีคน จะไปพูดในป่าช้าที่ไหน ถึงหากว่าไม่มีคนผีมันก็ได้ยินนะ เสียดายเวลาของคนเหล่านั้น ไม่ได้เคยศึกษาชีวิตที่มีประโยชน์ ไม่รู้จักเกรงใจเห็นเราเป็นอะไรไป เห็นเราเป็นเณรไปแล้ว ไม่ใช่พระ ก็ไม่เป็นไร ถ้าคนมีสติดีเขาไม่เป็นอย่างนี้แน่ นี่คนไร้สติ ไม่สมบูรณ์แบบ เพราะฉะนั้นการเจริญกรรมฐานจึงมีประโยชน์ต่อชีวิตของท่านเอง มีแก่นสารและไม่ไร้สาระอย่างเด็กนั้นเขานั่งปฏิบัติเข้า เขาพูดมีหลักฐาน ก็ขอโยมฟังแล้วคิด เด็กชอบความรักความอบอุ่นจากพ่อแม่ ไม่อยากอยู่กับคนอื่น



ถ้าท่านมีบุตรธิดาเล็ก ๆ ถ้าจะให้ไปอยู่กับคนอื่นต้องคิดลึก ๆ เอาลูกไปฝากให้คนอื่นเลี้ยง หรือเอาไปขายเสีย คิดให้ลึก ๆ หน่อย ถ้าเราเป็นลูกบ้าง ถูกขายให้ไปอยู่กับคนอื่นบ่ะ เราจะรู้สึกเสียใจไหม แม่เกลียดเราหรืออย่างไรที่เอาเราไปขาย มีตัวอย่างที่วัดนี้ มีลูกหลายคนเอาลูกขาย คนนี้หน้าตาไม่ดีเอาขายออกไป เลยลูกที่เลี้ยงไว้ไม่ได้ดีสักคน ลูกที่ถูกขายไปร่ำรวยกันหมดจบปริญญาโท – เอก เพราะคนรับไปเขาส่งเรียน แต่ก็ไม่ได้รับความอบอุ่นเกิดปมด้อย คิดแล้วเสียใจ แม่ไม่ได้รักเขาเลย เขาก็รู้เพราะเขาโตแล้ว นี่แหละเป็นประวัติศาสตร์อันสำคัญ ท่านทั้งหลายมีลูกหลานอย่าขายนะ ยากดีมีจนเลี้ยงหน่อยได้ไหม ให้เขาได้รับความอบอุ่นในชีวิต ถ้าโยมนั่งกรรมฐานจะอ่านตัวออก บอกตัวได้ ใช้ตัวเป็นแน่นอน ถ้าเราเป็นลูกรู้ใจความแล้วจะเสียใจมาก คิดว่าแม่ไม่รัก พ่อไม่รัก เอาเราขายไปเสียได้ น่าจะคิดอย่างนี้ได้ ถ้าโยมนั่งกรรมฐานได้จะรู้เหตุผลของชีวิตได้ดี ส่วนมากโยมเป็นผู้หญิงที่มาบนกันมาที่วัดนี้เป็นส่วนมาก อาตมารับโทรศัพท์จึงได้รู้ว่าเขาบนกันอย่างนี้หรือ ถ้าคนอื่นรับก็ไม่รู้ เรารับก็เลยรู้ บางทีจะบวช ๗ วัน บอกโยมไม่ได้หรอกที่นี่ ต้องมาอยู่วัด ๕ วัน ก็เป็นพระ ๒ วัน จะมาบวชทำไม นั่งปฏิบัติกรรมฐานดีที่สุด ไม่เอาหรอกนั่งแล้ว นั่งวัดโน้นบ้างวัดนี้บ้าง ไม่ได้อะไร ถ้าเชื่ออาตมานะบวช ๑ เดือนอย่าเอาเพื่อนมาคุยนะ พ่อแม่ก็อย่ามาวุ่นวายได้ไหม เดือนหนึ่งท่านจะได้ไปเยอะแยะมากมาย ก็ขอให้ทำตามที่ท่านมีศรัทธา ถ้าท่านไม่มีศรัทธาจริง ๒ เดือนท่านก็ไม่ได้อะไร บวชถึงปีก็ไม่ได้อะไรขาดทุนย่อยยับ เป็นหนี้สงฆ์ต่อไป หนี้บุญคุณของวัดมากหลาย จะเป็นหนี้บุญคุณนี้สำคัญ ก็ขอเจริญพรว่า หนี้สินเงินทองใช้ก็หมด แต่หนี้บุญคุณคนไม่รู้จักหมด หนี้พ่อแม่ หนี้ครูบาอาจารย์ หนี้ผู้มีอุปการะคุณ ไม่มีทางหมด ถึงจะเอาเงินเอาทองมาใช้ก็ไม่ได้ผล สนองพระเดชพระคุณมีทางเดียวคือกตัญญูกตเวทิตาธรรมจึงมีประโยชน์มากหลาย มีความหมายอย่างนั้น



เพราะฉะนั้นในการที่เจริญกุศลภาวนาในวันพระ จงรำลึกถึงบรรพบุรุษให้มาก ดูตัวอย่างที่เด็กคนนั้น ด.ญ. ทัศนีย์ แม่หายจากโรคมะเร็งทันที ดีอกดีใจ บัดนี้อยู่ ม.๖ แล้ว เรียนหนังสือเก่งเร่งก้าวหน้า หนามแหลมใครเสี้ยม มะนาวกลมเกลี้ยงใครไปกลึง เกิดเอง ช้างเผือกเกิดเอง ช้างเผือก ช้างนาเนียม ช้างคู่บ้านคู่เมือง คู่จิตคู่ใจคือปัญญา เป็นช้างเผือก ช้างเผือกเรียกว่าปัญญาอยู่ในป่าแห่งความสงบ ช้างเผือกจะมีได้ต้องอยู่ในป่า ป่าตัวนี้แปลว่าความสงบ นตฺถิ สนฺติ ปรมํ สุขํ – สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มีแล้ว ถ้าคนไหนอยู่ด้วยความสงบไม่วุ่นวาย คนนั้นมีช้างเผือกคู่บ้านคู่เมืองเขา ช้างคู่บ้านคู่เมืองนั้นคือตัวปัญญาญาณ รอบรู้ในกองการสังขารหาเหตุการณ์ได้ในชีวิต จะทำอะไรก็สำเร็จเพราะมีช้างเผือก ที่เราเรียกว่าอยู่ในป่า ป่าตัวนี้น่าจะแปลว่าป่าแห่งความสงบ ไม่ใช่ป่ารกรุงรัง สิงสาราสัตว์ก็ฆ่ามัน ต้นไม่ก็โค่นมัน ไม่ใช่ป่าแบบนั้น แต่เป็นป่าแห่งความสงบ ปรารภความเพียร ป่าแห่งความสงบ เรียนหนังสือเป็นดอกเตอร์ นั่นแหละช้างเผือกแน่นอน คู่บ้านคู่เมืองคู่จิตคู่ใจ อยู่ในตัวของเรานั่นคือกรรมฐาน ถ้าท่านเจริญกรรมฐานท่านจะรู้ว่าช้างเผือกคืออะไร ชีวิตของท่านมาเจริญกรรมฐานก็จะรำลึกได้หมด ท่านจะมีความเคารพน้อมนบและบูชาเกิดเอง เจริญสติปัฏฐาน ๔ ยืนหนอ ๕ ครั้งได้ ขอให้ท่านทำให้ได้ก่อนจะกลับ อย่านำความสงสัยกลับบ้าน เสียดายเวลาอันมีประโยชน์และมีค่า เดินจงกรมต้องดูที่เท้า อาตมาสังเกตดู ไปดูกันที่ไหน หลับตาเดินทำไม ดูที่ปลายเท้าให้เห็นชัด ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอให้ชัดเจนหน่อยได้ไหม อย่าเดินเหมือนคนจะตาย ต้องเดินให้ได้จังหวะปัจจุบัน ยืนหนอ ๕ ครั้งให้ได้ปัจจุบัน สติอยู่กับจิตที่ยืนลงไปปลายเท้าขึ้นมาถึงศีรษะมโนภาพหลับตา สติดีแล้วจะเกิดอัตโนมัติเห็นหนอ จากศีรษะลงปลายเท้า จากปลายเท้าขึ้นศีรษะ มันจะเป็นอัตโนมัติ ถ้าสติท่านสมบูรณ์ครบวงจรจะเป็นอย่างนี้จริง ๆ แต่ถ้าสติท่านไม่ครบวงจรจะไม่เป็นอย่างนั้นเลย จะอ่านไม่ออกบอกไม่ได้ เพราะสติไม่พอไม่ครบวงจรไม่บริบูรณ์ สติท่านไม่สมบูรณ์แบบจึงไม่ได้ผล ไม่ใช่ของว่ายนะ ท่านต้องทำบ่อย ๆ เสมอต้นเสมอปลายกลับไปบ้านแล้วต้องทำเรื่อย ๆ อายตนะธาตุอินทรีย์ ตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นรับรส กำหนดให้ได้ กายสัมผัสร้อนหนาว ก็ต้องกำหนด เสียใจดีใจที่ลิ้นปี่นั่น หายใจยาว ๆ กำหนดให้ลึก ๆ รับรองท่านจะหาย โกรธหรือผูกความโกรธเข้าไว้ในจิต กำหนดแล้วท่านจะหายไปเอง คิดอะไรไม่ออกหายใจยาว ๆ เอาไว้ อยู่ในรถหรืออยู่ที่ไหนก็ตาม หายใจตั้งสติไว้ที่ลิ้นปี่ กำหนดคิดหนอ สี่คิด ห้าคิด ร้อยคิด พันคิด เดี๋ยวคิดออก คิดออกจดไว้นี่แหละของจริง แต่ผู้ปฏิบัติไม่ปฏิบัติตามนะ โยมจะไร้ความหมายจะไม่ได้อะไรเลยนะ ขอฝากๆ ไว้ เสียงหนอ ตั้งสติไว้ที่หูให้ได้ จะได้รู้เลยว่าเขาพูดนั้นโกหกหรือเปล่า มันมีประโยชน์จริง ๆ นะ เราจะได้รู้ว่าคนนี้คบไม่ได้ หน้าซื่อใจคดลดเลี้ยว ปากหวานก้นเปรี้ยวคบไม่ได้ ขืนคบไปก็มีแต่เสียหาย มีประโยชน์ในการคบค้าสมาคม มีประโยชน์ในทางธุรกิจ มีสติในการใช้งาน มีชีวิตชีวาอยู่ด้วยความราบรื่น อยู่ด้วยความชื่นบาน มีชีวิตอยู่ด้วยความไม่หลงไม่เซ็ง มีชีวิตอยู่ด้วยความสดชื่น อยู่ในจิตใจของตนตลอดกาล



ท่านสาธุชนทั้งหลายกรรมฐานจึงเรียกว่าหน้าที่การงาน กรรมฐานแปลว่าเหตุและผล กรรมฐานตั้งต้นชีวิตให้ดีเหมือนออกแขกบอกเรื่องท่านจะแสดงดีตลอดรายการจนกระทั้งชีวิตหาไม่ มิฉะนั้นท่านจะไม่ได้อะไรติดตัวไปจะน่าเสียดายเวลาเป็นอย่างยิ่ง หนุ่มสามทั้งหลายโปรดได้ทราบอันนี้ ถ้าท่านมีสติดีครบวงจรท่านจะอ่อนน้อมถ่อมตน กิริยามารยาทดีไพเราะโดยอัตโนมัติ พบคนก็มีความอ่อนน้อม เจอพระก็อยากจะนมัสการยกมือไหว้ เป็นอัตโนมัติ เจอผู้สูงอายุอยากจะเลี่ยงทางให้ อยากไหว้อยากจะกราบผู้มีอายุ หรือผู้มีอาวุโส ถ้าเป็นคนที่ปากกล้าจิตใจไม่มีธรรมะ จะปากกล้าขาแข็งไม่มีสุภาพเรียบร้อยอ่อนโยน ออกมาเป็นลักษณะนี้ชัดเจนมาก ท่านสาธุชนท่านคิดดูอย่างนี้ท่านจะเห็นเอง จะเห็นที่เป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์แก่ตัวท่านเองโดยเฉพาะ เราเห็นเด็กถ้าปฏิบัติได้จะอยากสวดมนต์ไหว้พระ ยกตัวอย่างวันนี้ พ่อเป็นฝรั่งแท้ ๆ แม่เป็นคนไทย เด็ก ๓ ขวบ สวดพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุงมหากาฯ เจอพระสาธุจ้า เจอพระสาธุจ้า เจอคนแก่คนเฒ่าเลี่ยงทางให้ เหตุใดอ่านหนังสือไม่ออกจึงสวดพาหุงมหากาได้ แม่พ่อเขาสวด พ่อเป็นฝรั่งแท้ ๆ แม่สวดตลอด ลูกก็ว่าตามจนได้ เด็กกำลังจำ ควรรีบสอนลูกหลานของโยมทำความดีให้มาก ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญประการหนึ่ง แต่ท่านไม่เอาไม่เป็นไรนะ ของดีไม่มีใครอยากได้ไม่เป็นไร ท่านจะเอาชั่วเต็มตัว เต็มเปา เต็มกระเป๋า ก็ไม่เป็นไรนะ ท่านจะสร้างความดีก็เอา จะไม่สร้างความดีก็ได้ ไม่มีใครบังคับท่านหรอก จิตใจของท่านใครจะไปบังคับได้ แต่ท่านมีจิตใจดี ท่านจะรู้ได้ว่าด้วย ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ เป็นประการใด สร้างความดีไม่ต้องบังคับบัญชา จะเกิดขึ้นเองด้วยความศรัทธาความเชื่อมั่นของท่านเอง ถ้าท่านไม่ศรัทธาไม่เชื่อมั่นไม่ต้องทำบุญ ไม่ต้องเจริญกรรมฐาน มันไม่ได้ผลแน่นอน ไม่ได้อะไรจริง อย่าทำให้เสียเวลากลับบ้านเถอะ กลับไปแล้วไปเที่ยวช็อปปิ้งที่โน่นที่นี่ ยังมีประโยชน์กว่า ดีกว่ามานั่งให้เสียเวลาให้เมื่อยเปล่า ๆ บางคนมานั่งวันเดียวยังไม่หายเมื่อยกลับไปแล้ว บางคนก็บ่นว่ารู้อย่างนี้ไม่มาเสียดีกว่า อยู่บ้านยังได้ผล พูดอย่างนี้ก็มี ก็ขอเจริญพรว่าคนไม่เหมือนกัน คนดีเขาก็อยากได้ของดี คนไม่ดีเขาก็ไม่ต้องการของดีนะ ต้องการของชั่วตรงกันข้ามดังที่กล่าวแล้ว ไม่ได้หมายความว่าต้องการดีด้วยกันทุกคน แต่จุดมุ่งหมายต้องการรวยต้องการสวย ต้องการดี แต่วิธีปฏิบัติไม่ดำเนินงานตามนั้น จึงไม่ได้ดีเท่าทีควร คนเราจึงมีฐานะไม่เหมือนกัน มีสมองไม่เหมือนกัน มีปัญญาไม่เท่ากัน มีความดีไม่เท่ากัน จะเป็นพระหรือฆราวาส อุบาสก อุบาสิกา ก็ไม่เท่ากัน มีดีไม่เหมือนกัน



เพราะฉะนั้นการเจริญกรรมฐานนี้ จะนึกถึงบุพการีเหมือนตรุษจีนเช่นในวันนี้ ไหว้บรรพบุรุษ คือ ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมํคลมุตฺตมํ บูชาผู้มีบุญคุณนั้นเป็นมหามงคลชีวิตแน่นอน เกิดได้จากการเจริญกรรมฐาน ถ้าใครเจริญกรรมฐานจะระลึกถึงบุพการีได้



๑. จะมีการสักการะ



๒. เคารพ



๓. บูชา



๔. นับถือ



๕. เชื่อฟัง



มันจะออกมาอย่างนี้ สักการะ แปลว่า เอาใจใส่พ่อแม่ เอาใจใส่สามีภรรยา ปู่ย่าตายาย ถึงตายจากโลกไปแล้วก็เอาใจใส่ติดตามบูชาพระคุณ เคารพ แปลว่า มั่นใจ ถ้านั่งกรรมฐานได้จะตีความหมายได้ชัด มั่นใจต่อบิดามารดาของเรา มั่นใจต่อปู่กับย่า ตากับยายของเรา ต่อสามีภรรยา มั่นใจต่อลูกต่อหลาน ไม่เสแสร้างแกล้งกล่าว บูชา แปลว่า บูชาพระคุณด้วยบูชาอามิสบูชา ปฏิบัติบูชา อามิสบูชา คือให้ผ้าผ่อนท่อนสไบ อาหารการบริโภค ยารักษาโรคแก่ท่านทุกประการ ปฏิบัติบูชา หมายความว่า ท่านไม่มีทานให้ท่านบำเพ็ญทาน ไม่มีศีลให้บำเพ็ญศีล ไม่มีภาวนาให้ท่านสวดมนต์ไหว้พระ รักษาอุโบสถ เป็นต้น และไม่ทำลายน้ำใจพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ผู้มีพระคุณทั้งหลาย ออกมาอย่างนี้ชัดเรียกว่าบูชา นับถือ แปลว่า ยึดขึ้นมา คนนี้เป็นพี่เป็นน้อง สามีภรรยา ต้องยึดถือขึ้นมาให้มั่นคงในจิตใจของเรา เชื่อฟังข้อที่ ๕ ต้องเชื่อฟังพ่อแม่ เชื่อฟังซึ่งกันและกัน จะไม่มีผันแปรแปลกปลอมแต่ประการใด เรียกว่าบูชาในบุพการี การสักการะ การเคารพ การบูชา การนับถือ และการเชื่อฟัง ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมํคลมุมฺตมํ บูชาในผู้มีพระคุณทั้งหลายจะได้รับการสรรเสริญเจริญพร ทั้งต่อหน้าและลับหลังเหมือนในวันตรุษจีนเช่นในวันนี้ ท่านทั้งหลายอย่าเข้าใจผิดเผากระดาษเงินกระดาษทอง แล้วจุดประทัดเท่านั้นหรือ น่าจะตีความหมายถึงธรรมะว่า บุพการีคืออะไร กตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษของท่านเพื่อประโยชน์อันใด รำลึกถึงพระคุณอันอุ่นใจทำใจให้สบาย ค้าขายก็จะรวย วันพรุ่งนี้ก็เป็นวันไหว้พระ วันนี้เป็นวันไหว้ผีบรรพบุรุษ ไปไหว้พระตามวัดวาอารามต่าง ๆ เดี๋ยววัดอัมพวันต้องมีมากันเยอะแยะ นึกคงจะไม่ผิด มาแต่เช้า เขาออกไหว้พระ วันที่สองก็ออกไหว้พระเรียกว่าวันชิวยิก ชิวยี่ ชิวซากลับบ้าน อย่าไปถึงชิวห้า ชิวหกเลย มันจะเสียเวลาการค้าขายทำงานต่อไป นี่แหละวันนี้วันกรรมฐาน ขอให้ท่านพี่น้องชาวไทยสัญชาติจีน และคนไทยเหมือนกันทำเหมือนกันได้หมดเช่นในวันบุพการีเช่นในวันนี้ วันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน เมืองไทยก็มีแต่จีนเต็มเมืองไปหมดแล้ว ไม่จำต้องว่าคนนั้นแยกเป็นไทยเป็นมอญ เป็นรามัญ ไม่ต้องแยกมนุษยชาติ ศักยภาพของบุคคลผู้มีบุญคุณซึ่งกันและกันเรียกว่า บุพการี โยมนั่งเจริญกรรมฐานจะเห็นได้ชัด แผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลเป็นต้น โยมจะได้หลักการปฏิบัติธรรมเอามาไว้ในจิตใจของโยม สามารถจะปกป้องการไปสู่อบายภูมิ นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน จะได้ไม่ไปในภูมินั้นต่อไป

สุดท้ายนี้ที่ได้ชี้แจงแสดงถึงบรรพบุรุษ บูชาบรรพบุรุษ กตัญญูต่อเหตุผลของบรรพบุรุษในวันนี้ ซึ่งเป็นวันแสดงความกตัญญูกตเวทีในโอกาสวันตรุษจีน หรือวันขึ้นปีใหม่ของท่าน เราก็มาเจริญกรรมฐาน ก็ต้องการตรงนี้ ต้องการรู้บุพการี รู้คุณค่าของชีวิต กตัญญูต่อบิดามารดา บ้านเกิดเมืองนอนของตน ที่จะได้มีโอกาสบริจาคทาน ศีล และ ภาวนา ถวายภัตตาหารเป็นต้น วันนี้มีท่านที่มีศรัทธามาถวายภัตตาหารเป็นจำนวนมาก และบางท่านนำข้าวสุกข้าวสารมาถวาย เครื่องสัปปริวารัง เครื่องสังฆทานมาถวายกันเป็นต้น มาถวายไว้ท่ามกลางสงฆ์เพื่อสงฆ์จะได้ร่วมอนุโมทนา สาธุการ ทักษิณาทาน การกุศลให้ถึงบรรพบุรุษของท่านต่อไปแล้วนั้น ก็ขอบุญกุศลที่ท่านได้บำเพ็ญมาในวันนี้ ทั้งญาติโยมทั้งหลาย ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ ทั้งอุบาสกอุบาสิกา อาตมาภาพ ประธานสงฆ์ขออนุโมทนาแก่ท่านทั้งหลาย ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย อำนาจบุญกุศลทั้งหลาย โปรดประทานพรให้ญาติโยมทั้งหลาย ที่มาเจริญพระกรรมฐาน เจริญกุศลภาวนาโดยทั่วหน้ากัน จงประสบแต่ความสุข ความเจริญ จงเจริญไปด้วย อายุ วัณณะ สุขะ พละ ปฏิภาณธนสารสมบัติ คิดสิ่งหนึ่งประการใดก็ขอให้สมความมุ่งมาดปรารถนาด้วยกันทุกรูปทุกนามเทอญ.

0 comments:

Post a Comment