เรื่องเล่าเหตุมหัศจรรย์เกิดที่วัดอัมพวัน สิงห์บุรี

Saturday, May 29, 2010

หนังสือเหตุมหัศจรรย์ของวัดอัมพวัน........


ต้นพิกุลต้นนั้น อยู่เยื้องกับพระอุโบสถวัดอัมพวัน เป็นไม้ใหญ่ที่ให้เงื้อมเงาร่มเย็นแผ่เป็นวงกว้าง เมื่อถึงฤดูผลิตดอกกลิ่นหอมละเมียดละไมจะอบอวลรวยรินไปรอบๆต้น ให้ความรู้สึกสดชื่น ระเริงใจ แก่ผู้ที่ทอดกายพักผ่อนใต้ร่มเงานั้น

พิกุลต้นนี้มีอายุเก่าแก่ยาวนานสักเพียงใด ไม่มีใครรู้ได้ แม้ต่ญาติโยมซึ่งอยู่ใกล้วัดก็เห็นพิกุลยืนต้นตระหง่านมาตั้งแต่เด็กแรกจำความได้ ตราบนัยน์ตาฝ้าฟางเมื่อความชรามาเยือน

และไม่เคยมีใครสัมผัสรู้มาก่อนว่า ณ พิกุลต้นนี้ มีเทพสถิตอยู่นอกจากแม่ชีวัยชราท่านหนึ่ง มีนามว่า แม่ชีก้อนทอง ปานเณร

เวลานั้น พระเดชพระคุณ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม มาดำรงตำแหน่งเจ้าเอาวาสวัดอัมพวันหลายปีแล้ว ความเจริญของวัดดูจะอัตคัดตามประสาวัดเก่าแก่โบราณ คล้ายกบว่ายังไม่ถึงช่วงเวลาความรุ่งเรืองของวัดในสมัยหลังๆที่เป็นไปอย่างรวดเร็วฉับพลัน...เป็นอัศจรรย์

แม่ชีก้อนทอง ขณะมาปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดอัมพวัน อายุประมาณ 70 กว่าแล้ว ก่อนหน้านั้น แม่ชีเคยไปปฏิบัติธรรมอยู่ที่สำนักปฏิบัติของหลวงพ่ออ่อน สิงห์บุรี แล้วก็ไปอยู่ สำนักปฏิบัติเขาถ้ำตะโก ต่อมาถึงได้เดินทางมาพบหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม ที่วัดอัมพวัน ขออนุญาตมาปฏิบัติวิปัสนสนากัมมัฏฐาน ณ อารามนี้

หลวงพ่ออธิบายสั้นๆ แก่แม่ชีสูงวัยว่า "โยม...วัดนี้ไม่มีสำนักแม่ชีนะ แล้วก็ไม่มีกุฏิชีอยู่....จะอยู่ได้หรือ โยมกลัวผีหรือเปล่าละ ถ้าไม่กลัวก็อยู่บนศาลานั่น มีห้องพอจะอาศัยปฏิบัติได้"

แม่ชีก้อนทองกราบเรียนหลวงพ่อว่า "ไม่กลัวผี" หลวงพ่อจรัญจึงเมตตาอนุญาต

เมื่อแม่ชีก้อนทองมาอยู่วัดอัมพวันแล้ว ท่านก็ปฏิบัติธรรมวิปัสสนากรรมฐานอย่างจริงจัง นั่งภาวนา "ยุบหนอ..พองหนอ" สลับเดินจงกรมตลอด ทั้งๆที่มีวัยชรามากแล้ว

ตลอดเวลาที่แม่ชีก้อนทองเจริญกรรมฐาน ท่านจะขอให้หลวงพ่อจรัญสอบอารมณ์ให้แทบทุกวัน กระทั่งเวลาผ่านไป 1 เดือน วันนั้น เป็นเวลาช่วงเช้า หลวงพ่อจรัญก็ไปสอบอารมณ์ให้แม่ชีทองก้อน แม่ชีนมัสการแล้วได้เล่าถวายหลวงพ่อว่า

"พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ฉันถ้าจะลำบากเสียแล้ว เทวดามากวนเหลือเกิน"

"เทวดามาทำไมละโยม...."หลวงพ่อสงสัย

"มาชวนฉันสวดมนต์เจ้าคะ"

หลวงพ่อจรัญรับฟังแล้วก็ไม่ถามรายละเอียดมากนัก แนะนำแม่ชีให้"กำหนดเห็นหนอ" เวลาเห็นเทวดาเท่านั้น แล้วท่านก็ไปทำกิจของท่าน

เช้าต่อมา หลวงพ่อจรัญไปสอบอารมณ์ให้แม่ชีก้อนทองอีก แม่ชีรายงานถวายว่า

"หลวงพ่อเจ้าคะ เทวดามาอีกแล้ว ฉันกำหนดเห็นหนอ ..... เห็นหนอ...เทวดาก็ไม่ยอมไปเจ้าคะ"

"เทวดาอยู่ที่ไหน โยมถามเทวดาหรือเปล่า"

"เทวดาบอกว่าอยู่ที่ต้นพิกุลข้างโบสถ์เจ้าคะ"

"เทวดามาอยู่ต้นพิกุลได้อย่างไรกัน" หลวงพ่อไม่แน่ใจว่าแม่ชีก้อนทองเห็นเทวดาจริงเพียงไร

"เทวดาบอกฉันว่า โดนสาปมาจากสวรรค์ ผิดประเวณีนางฟ้าให้อยู่ที่ต้นพิกุลนี้เจ้าคะ ครบ 100 ปีเมื่อไหร่ถึงจะพ้นคำสาป"

แล้วแม่ชีก้อนทองได้บอกกำหนดวัน - เวลา ที่เทวดาพ้นคำสาปชัดเจน หลวงพ่อจรัญก็บันทึกเอาไว้เป็นหลักฐานเพื่อกันลืม และเป็นข้อพิสูจน์ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ในกาลเวลาต่อไปข้างหน้า

หลวงพ่อจรัญซักถามแม่ชีก้อนทองเกี่ยวกับเทวดาที่มาชวนแม่ชีสวดมนต์อย่างละเอียดถี่ถ้วน มิใช่ด้วยเจตนาจับผิด หากต้องการทราบความจริงหลายประการซึ่งตัวท่านเองก็ไม่รู้เช่นกัน

แม่ชีก้อนทองก็กราบเรียนถวายรายงานต่อหลวงพ่อจรัญเท่าที่ได้รับการถ่ายทอดจากเทวดาซึ่งสถิตอยู่ ณ ต้นพิกุล เป็นลำดับดังนี้

เรื่องแรก เทวดาบอกว่า พระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์จะมีเทวดามาสถิตทุกองค์ไป เช่นพระพุทธโสธร ที่แปดริ้ว จังหวัดฉะเชิงเทรา (มีเทวดาหรือเทพชั้นสูงหลายองค์สถิตอยู่) พระพุทธชินราช จังหวัดพิษณุโลก พระแก้วมรกต วัดพระแก้ว กรุงเทพมหานคร ฯลฯ สำหรับผู้ที่ไม่มีความเคารพศรัทธาในพระพุทธรูปของตนอย่างจริงจัง กล่าวได้ว่าแม้จะมีพระพุทธรูปเก่าแก่มีราคาแพง เช่นพระเชียงแสนโบราณ ก็หาประโยชน์อันใดมิได้

การไม่เคารพศรัทธาเสื่อมใสจะเห็นได้ทั่วไป คือ มีพระพุทธรูปล้ำค่าอยู่ในเรือนตน แต่ไม่เคารพกราบไหว้ ไม่แสดงสักการบูชาเป็นประจำ ไม่เคยสวดมนต์เลย เทวดาก็ไม่อยู่ด้วยแล้ว

บางบ้านมีห้องพระก็จริง แต่ปล่อยให้เด็กๆลูกหลานเข้าไปนอนกันเขละขละ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงหรือรู้อันใดควรไม่ควร แสดงกิริยาวาจาหยาบคาย ตึงตัง เทวดาท่านก็ไม่อยู่อีกเช่นกัน

พระพุทธรูปที่จะศักดิ์สิทธิ์ได้ โดยมีเทวดามาสถิตรักษานั้น จะต้องจัดวางไว้ในที่อันควร มีความสงบเงียบพอสมควร สถานที่ตั้งพระพุทธรูปควรรักษาให้สะอาดผ่องใสตลอดเวลา มีเครื่องบูชา เช่นรูปเทียน ดอกไม้บ้าง ไม่ปล่อยให้เด็กๆ แสดงกิริยาวาจาอันสื่อแสดงถึงการไม่มีสัมมาคารวะ

ประการสำคัญที่สุด คนในบ้านจะต้องไหว้พระสวดมนต์ทุกวัน มีจิตใจนอบน้อมศรัทธา มีศีลธรรมประจำใจ เทวดาหรือเทพจึงจะมาสถิต มาสวดมนต์แผ่เมตตาให้เกิดศิริมงคลแก่คนในครอบครัวนั้นๆ

เทวดาซึ่งมาชวนแม่ชีก้อนทองสวดมนต์ ได้บอกกล่าวให้รู้อีกว่า แม้จะมีพระพุทธรูปอันเป็นของใหม่ ซึ่งมีจำหน่ายให้บูชาตามร้านขายเครื่องสังฆภัณฑ์ทั่วไป หากมีการไหว้พระสวดมนต์เบื้องหน้าพระพุทธรูปทุกวัน พระพุทธรูปนั้นก็จะเกิดความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้ เพราะมีเทวดามาสถิต และสวดมนต์แผ่เมตตาอวยพรให้เกิดศิริมงคล

หลวงพ่อจรญได้สอบถามแม่ชีก้อนทองต่อไปอีกว่า เทวดาต้นพิกุลมาสวดมนต์ให้แม่ชีโดยเฉพาะหรือ และเทวดาสวดมนต์บทอะไร แม่ชีกราบเรียนถวายว่า เทวดาไม่ได้มาสวดให้เป็นการเฉพาะหรอก บ้านไหน มีการไหว้พระสวดมนต์เป็นประจำด้วยความเคารพศรัทธา เทวดาก็จะไปสวดมนต์ให้ทุกบ้าน ท่านจะไปสวดเวลาหลังเที่ยงคืนทุกคืนด้วยบทสวด"มหาเมตตาใหญ่"

หลวงพ่อจรัญก็ฉุกคิดขึ้นมา ตัวท่านเองสวดได้บทสั้น ไม่ใช่บทยาว ยิ่งไปกว่านั้นแม่ชีก้อนทองยังกราบเรียนถวายท่านอีกว่า เทวดาสั่งความไว้กับแม่ชีให้มาบอกหลวงพ่อ บอกว่าให้กราบเรียนท่านสมภารวัดนี้ด้วย เทวดาอยู่ที่ต้นพิกุล ทำผิดประเวณีนางฟ้า

หลวงพ่อนึกฉงนเหมือนกันว่า เทวดาก็ถูกลงโทษได้ เคยคิดว่าเทวดาจะไม่มีโทษเสียอีก

เมื่อหลวงพ่อจรัญพูดคุยกับแม่ชีก้อนทอง เรื่องเทวดามาสอนสวดมนต์ทำให้ท่านนึกกึงเรื่อง "เทวดาสวดมนต์" ซึ่งท่านเคยรับรู้มาเมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็ก

เวล่าผ่านไป หลวงพ่อจรัญต้องการให้ประจักษ์แจ้งว่า เทวดาสวดมนต์เป็นอย่างไร ดังนั้นในคืนหนึ่ง ท่านยังไม่เข้าจำวัดรอคอยอยู่ที่กุฏิ กระทั่งเวลาผ่านไปใกล้จะเที่ยงคืนจึงออกจากกุฏิไปที่ศาลาการเปรียญ ซึ่งแม่ชีก้อนทองพักปฏิบัติกรรมฐานอยู่ หลวงพ่อไม่ขึ้นไปบนศาลา หากยืนอยู่ข้างล่างเงียบๆ ใกล้กับที่แม่ชีก้อนทองนอนอยู่

ใกล้เวลาเที่ยงคืน แม่ชีก้อนทองก็ลุกขี้น จุดธูปเทียน สักการบูชาพระรัตนตรัย เวลา 00.01 น. เสียงสวดมนต์ก็ดังขึ้น แต่ไม่ใช่เสียงแม่ชีก้อนทอง

เป็นเสียงเทวดาสวดมนต์"มหาเมตตาใหญ่"

หลวงพ่อจรัญยืนฟังนานนับชั่วโมงจึงได้กลับขึ้นกุฏิ

วันต่อมา หลวงพ่อจรัญ ได้เรียกแม่ชีก้อนทองมาสวด"มหาเมตตาบทใหญ่" ให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ แม่ชีก้อนทองก็ว่าได้คล่องแคล่วไม่มีติดขัด ทั้งๆที่แม่ชีก้อนทองไม่ได้เรียนหนังสือ อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ดังนั้นจะไปหาหนังสือตำราที่ไหนมาท่องจนจำขึ้นใจ

แม้แม่ชีก้อนทองจะท่องบทสวดให้ฟัง หลวงพ่อจรัญก็ยังไม่แน่ใจกระทั่งหลวง่พอมีกิจนิมนต์ต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ พอมีเวลาว่างท่านได้แวะไปละแวกเสาชิงช้า ซึ่งเป็นแหล่งขายสังฆภัณฑ์โดยตรง หลวงพ่อถามหาตำราบทสวดมนต์ซึ่งมีบท "มหาเมตตาใหญ่"ด้วย ปรากฏว่าไม่มีตำราเล่มไหนมีบทสวดบทนี้เลย

หลวงพ่อจรัญจึงเข้าไปที่วัดสุทัศน์ ไปหาพระครูปลัดองค์หนึ่งซึ่งคุ้นเคยกัน เป็นพระครูปลัดฐานาของสมเด็จพระพุฒาจารย์องค์เก่า(พุฒาจารย์โสม) หลวงพ่อออกปากขอยืมหนังสือพุทธาภิเษกฉบับสมเด็จพระสังฆราชแพ ซึ่งในหนังสือเล่มนี้มีบทสวด "มหาเมตตาใหญ่" ได้หนังสือเรียบร้อยก็เดินทางกลับวัดอัมพวัน สิงห์บุรี

คราวนี้ หลวงพ่อจรัญก็กางตำนาบอกให้แม่ชีก้อนทองว่าบทสวด"มหาเมตตาใหญ่" ตั้งแต่ต้น ไล่หาคำผิดไปทีละคำ ทีละบรรทัด กระทั่งจบ ใช้เวลาสวดและตรวจทานไปพร้อมๆกันถึง 3 ชั่วโมงเต็ม

ปรากฏว่า แม่ชีก้อนทองสวดมนต์ไม่มีผิดเลยแม้แต่คำเดียว

ครบ 100 ปี ที่เทวดาถูกสาป


เทวดาซึ่งมาสอนแม่ชีก้อนทองสวดมนต์ "มหาเมตตาใหญ่" ได้บอกเรื่องรวความรู้เกี่ยวกับเทวดาเอาไว้หลายประการ เช่น คนทุกคนจะมีเทวดาประจำวันเกิด วาระใดที่เทวดาประจำวันเกิดออกไป เทวดาองค์ใหม่ยังไม่เข้ามาพิทักษ์รักษาคนผู้นั้นมักจะตาย จะต้องสิ้นชีวิตจากโลกนี้ไปแน่นอน ถึงจะมีพระเครื่องของขลังแขวนเต็มคอก็ไม่รอด อิทธิฤทธิ์คงกระพัน-แคล้วคลาด เสื่อมหมด

หากผู้ใดเจริญวิปัสสนากรรมฐานถึงระดับเกิด"สติ"มองเห็นได้ จะรู้เลยว่า คนๆนี้ไม่มีเทวดารักษา สิ้นอายุแน่ บางคนถึงกับไม่มีเงาหัว เช่นนี้ตายแน่ๆ

ประการต่อมา เทวดาทั้งหลายนั้นไม่เพียงแต่จะมีระดับบารมีสูงต่ำแตกต่างกันไปตามผลแห่งกุศลที่เคยสร้างมา เทวดาก็ยังมีสองกลุ่มสองพวก พวกหนึ่งมีเมตตาคุณธรรม อีกพวกย่อหย่อนคุณธรรม เทวดาพวกหลังนี้มักเห็นแก่เครื่องเซ่นสังเวย ชอบเข้าข้างคนพาล คนผิด เช่น พวกเสือปล้น โจรร้ายสมัยก่อน เวลาจะเข้าปล้น พวกทุจริตเหล่านี้ต้องมีพิธีบวงสรวงเทวดาก่อน มีเครื่องเซนสังเวยพวกหัวหมู บายศรี เหล้าขาว ไก่ต้ม เทวดาประเภทพาลก็จะมายินดีด้วย

แล้วเวลาก็พ้นผ่านไปตามกาล......ที่วัดอัมพวัน จะมีการประชุมสงฆ์ทั่วราชอาณาจักร สมเด็จพระสังฆราชจะเสด็จมาเป็นองค์ประธาน เหลือเวลาอีก 10 วัน ก็จะถึงกำหนดเริ่มงานนี้แล้ว

วันนั้น...ลูกศิษย์หลวงพ่อจรัญมาช่วยกันตระเตรียมทำปะรำตั้งแต่เช้าคนกลุ่มใหญ่มาอยู่บริเวณใกล้ๆ กับต้นพิกุล ส่วนหลวงพ่อยังอยู่ที่กุฏิ ขณะนั้นเป็นเวลา 9.40 น. อากาศโปร่งใส ไม่มีลมแรง

เมื่อเข็มนาฬิกาเลื่อนไปบอกเวลาที่ 9.45 น. ต้นพิกุลก็มีเสียงลั่นตรงโคนต้น แล้วลำต้นก็เอนลงไปข้างหน้า มีใครคนหนึ่งตะโกนลั่นบอกว่าต้นพิกุลกำลังจะโค่น คนที่อยู่ในรัศมีจะถูกลำต้นและกิ่งก้านฟาดลงมากระหน่ำ ต่างเผ่นหนีกันไปคนละทาง

พริบตานั้น พิกุลต้นใหญ่ก็ฟาดโครมลงไปทางพระอุโบสถหลังใหม่แทนที่จะถล่มเข้าใส่หลังคาอุโบสถคล้ายกับมีมือยักษ์ผลักให้ฟาดเบี่ยงลงใส่กำแพงแก้วแทน

ลูกศิษย์รีบวิ่งไปรายงานหลวงพ่อจรัญให้ทราบว่า ต้นพิกุลล้มแล้ว หลวงพ่อจรัญสอบถามความเสียหายต่างๆว่ามีอะไรบ้าง เมื่อทราบแล้วก็รู้สึกเบาใจ เพราะเสียหายไม่มากนัก หลวงพ่อยังไม่รีบร้อนออกไปดูหากหยิบสมุดบันทึกมาเปิดอ่านข้อความซึ่งท่านจดเอาไว้มีว่า

วันที่.....เวลา 9.45 น. คือวันครบกำหนด 100 วัน ที่เทวดาพ้นโทษทัณฑ์ ! ซึ่งเป็นวันนี้พอดี

หลวงพ่อจรัญมาตรวจดูต้นพิกุลซึ่งพาดขวางเต็มพื้นที่ เป็นน่าอัศจรรย์ก็คือ พิกุลต้นนี้ยังมีสภาพเป็นปกติดีทุกอย่าง ไม่มีร่องรอยผุกร่อนที่ลำต้น พุ่มใบยังเขียวสดสมบูรณ์ แต่ทำไมถึงโค่นถล่มล้มฟาดลงมาดื้อๆเช่นนี้ได้ ก็ยากจะวินิจฉัย

หลวงพ่อได้สั่งให้ลูกศิษย์ญาติโยมช่วยกันเลื่อยต้นพิกุลออกเป็นท่อนๆ เพื่อขนย้ายออกไป หากทว่าเป็นงานเลื่อยที่ยากลำบากเอาการเพราะเนื้อไม้กำลังสดและเหนียวละเอียด เมื่อเลื่อยเป็นท่อนๆเรียบร้อย ก็นำไปวางเรียงไว้ ปรากฏต่อมาว่าหายหมด ชาวบ้านใกล้-ไกล แอบมาหยิบฉวยเอาไป เพราะลือกั้นว่าเอไปต้มเป็นยาแล้วรักษาโรคหายได้เป็นอัศจรรย์

ภายหลังต่อมา หลวงพ่อจรัญสร้างกุฏิสำนักแม่ชีแยกออกไปอยู่เป็นสัดส่วน แม่ชีก้อนทองได้ย้ายไปอยู่สำนักแม่ชีนั้น และช่วยหลวงพ่อดูแลฝ่ายแม่ชีอายุน้อยกว่าไปโดยปริยาย

แม่ชีก้อนทองชราภาพลงไปทุกวัน แต่ยังปฏิบัติธรรมกรรมฐานไม่เว้น และแม่ชีก้อนทองได้รายงานถวายแกหลวงพ่อจรัญอีกว่า การสวด"มหาเมตตาใหญ่" นี้สามารถติดต่อพูดคุยกับเทวดาได้ และแม่ชีก้อนทองติดต่อกับเทวดามาตลอด ซึ่งคงเป็นปัจจัยบารมีเฉพาะตัวของแม่ชีก้อนทองน้อมมาทางนี้เป็นพิเศษ

ภาวะพิเศษที่แม่ชีก้อนทองติดต่อกับเทวดาเป็นที่รู้กันทั่วไปในวัด เช่น มีอยู่คราวหนึ่งหลวงพ่อมีกิจนิมนต์จะไปฉันเพลที่จังหวัดเชียงรายจึงออกเดินทางจากวัดอัมพวันประมาณ ตี 1 ด้วยพาหนะรถยนต์ ถึงเชียงรายประมาณ 3 โมงเช้า

และในตอนเช้าวันนั้นเช่นกัน มีแม่ชีเด็กๆ จะไปกราบลาหลวงพ่อออกไปนอกเขตวัดเพื่อกระทำกิจส่วนตัว แม่ชีก้อนทองก็บอกกับแม่ชีเด็กว่า ไม่ต้องไปลาหลวงพ่อหรอก หลวงพ่อไม่อยู่ ไปเชียงรายตั้งแต่ตี 1 แล้ว แม่ชีเด็กถามว่า "ยายรู้ได้อย่างไร" แม่ชีก้อนทองบอกว่า "เทวดาบอกข้า"

หลวงพ่อจรัญตั้งใจจะไปค้างเชียงรายสัก 3 คืน หากนึกขึ้นมาได้ว่ามีกิจจะต้องรีบกลับมาทำ ท่านจึงออกเดินทางจากเชียงรายกลับวัดอัมพวัน ในตอนกลางคืนของคืนนั้น มาถึงวัดช่วงดึกสงัด ไม่มีคนในวัดรู้เลย นอกจากลูกศิษย์ที่ติดตามท่านไป

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ......แม่ชีก้อนทองเรียกแม่ชีเด็กๆมาหา บอกว่าจะไปกราบลาหลวงพ่อก็รีบไป หลวงพ่อกลับจากเชียงรายตอนดึก เมื่อคืนนี้ แม่ชีเด็กไม่รู้หลวงพ่อจรัญกลับมา ถามด้วยความสงสัยว่า "ยายรู้ได้อย่างไรว่าหลวงพ่อกลับมาแล้ว"

"เทวดาท่านบอกข้า" แม่ชีก้อนทองตอบ

แม่ชีก้อนทองผู้นี้ มีอายุยืนยาวมาจนถึงวัย 96-97 ปี จึงได้เสียชีวิตที่วัดอัมพวัน

นี่คือ ....เหตุมหัศจรรย์อีกเรื่องหนึ่งซึ่งได้เกิดขึ้นที่ วัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี

0 comments:

Post a Comment