ประวัติหลวงพ่อเพ่ง ระยอง

Friday, May 28, 2010


พระอธิการเพ่ง สาสโน












อดีตเจ้าอาวาสที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักคือเปรียญแดง ( หรือแตง ) เจ้าอาวาสรูปแรกเป็นชาวอยุธยา มาเปิดสอนภาษา บาลีมูลกระจาย พร้อมทั้งสร้างวัดควบคู่ไปด้วย รูปที่ 3 คือ หลวงปู่สังข์เฒ่า เจ้าพุทธาคม และรูปที่ 8 พระอธิการเพ่ง สาสโน ซึ่งขออนุญาตนำประวัติของท่านมาเล่าโดยสังเขป พร้อมกับประวัติหลวงพ่อสิน เจ้าอาวาสปัจจุบัน ศิษย์หลวงพ่อเพ่ง สาสโน และศิษย์หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่


หลวงพ่อเพ่ง สาสโน เกิดในตระกูลแก้วสว่าง ชาวบ้านตาสิทธิ์ ( หมู่ 7 ตำบลหนองละลอกปัจจุบัน ) ท่านเขียนประวัติไว้ว่า ท่านเป็นมหาดเล็กของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ได้ตามเสด็จไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พร้อมกับกรมหลวงฯ ต่อมาได้ทูลลาเจ้านายของท่านออกบวชเป็นพระภิกษุ ที่วัดบ้านโพ อำเภอพระราชวังบางปะอินทร์ จังหวัดอยุธยา และออกมาเยี่ยมญาติที่จังหวัดระยอง และมาพำนักที่วัดละหารใหญ่ เมื่อเจ้าอาวาสได้ว่างลง พระครูวิจิตรธรรมานุวัติ ( หลวงพ่อวงษ์ ) เจ้าคณะแขวงบ้านค่าย ได้ตั้งใหพระภิกษุเพ่ง สาสโน รั้งเจ้าอาวาส ต่อมาท่านเจ้าคุณพระพิศาล อดีตเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เจ้าคณะจังหวัดจันทบุรี ได้มารับหน้าที่เจ้าคณะจังหวัดระยอง จัดการแต่งตั้งให้เป็นพระอธิการเพ่ง สาสโน เป็นเจ้าอาวาสปกครองวัดตั้งแต่ พ.ศ.2478 – 2501 ท่านพัฒนาวัดควบคู่กับการตั้งโรงเรียนประชาบาลสอนนักเรียนในละแวกนั้น เพราะท่านเป็นพระที่มีความรู้แตกฉาน ทั้งภาษาไทย ภาษาขอมโบราณ เป็นพระที่มีความรู้ดี ประสบการณ์ดี ไม่เคยอวดดี แต่ใครอย่ามาลองดี ท่านมีดีให้ดู ดังเช่น ครูวาว บุญปลื้ม ครูประชาบาล วัดไร่ มาถามหลวงพ่อเพ่งว่า หลวงพ่อใครว่าหลวงพ่อมีดี ผมไม่เห็นมีอะไร หลวงพ่อเพ่งไม่ว่าอะไร ท่านเขียนอักษรขอมคำว่า เฑาะ แล้วส่งให้ครูวาว เอาไปยิงต่อหน้าคนหลายๆ คนที่อยู่ในวันนั้น ปรากฏว่า ยิงไม่ออก จากนั้นมามีคนที่มีลูกหลานถูกเกณฑ์ ไปเป็นทหาร ( เดิมเรียกว่าลูกหมู่ ) จะนำแผ่นทองแดง อลูมิเนียม ( ฝาหม้อ ฝาบาตรที่ชำรุด ) มาให้หลวงพ่อเพ่งทำตะกรุดนำติดตัวไปด้วย หลวงพ่อเพ่งมรณภาพ เมื่อ ปี พ.ศ.2502 เมื่อ ทายก ทายิกา ประกอบพิธีประชุมเพลิง( เผา ) สัปเหร่อทำพิธีเผา อย่างไรก็ไหม้ไม่หมด ต้องนิมนต์หลวงปูทิม ทำน้ำมนต์รด และประกอบพิธีให้จึงเผาได้ พุทธาคม ที่หลวงพ่อเพ่งได้ศึกษาไว้ นอกจากของหลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่าแล้ว ยังศึกษาตำราคู่วัด ซึ่งตำราดังกล่าว ท่านได้ครอบครูและมอบให้ พระครู สุภัททาจารคุณ ( หลวงพ่อสิน ) เจ้าอาวาส วัดละหารใหญ่ รูปปัจจุบัน ศึกษาและเก็บไว้ตนถึงปัจจุบันนี้

“อิทธิฤทธิ์...หลวงพ่อเพ่ง, เมตตามหานิยม...หลวงพ่อทาบ, อาคม...หลวงพ่อทิม”

วลีสามประโยคนี้เป็นคำกล่าวของชาวระยองเมื่อเอ่ยถึงหลวงพ่อเพ่ง หลวงพ่อทาบ และหลวงพ่อทิม ภายหลังจากที่หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก และหลวงพ่อกาจ วัดหนองสนมได้มรณภาพแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นเอกลักษณ์อันเด่นชัดของพระเกจิอาจารย์แต่ละรูปว่าโดดเด่นไปคนละทาง หลวงพ่อเพ่งนั้น โดดเด่นทางอิทธิฤทธิ์ หลวงพ่อทาบนั้นโดดเด่นทางเมตตามหานิยม ส่วนหลวงพ่อทิมนั้นโดดเด่นเรื่องคาถาอาคม ทั้งสามท่านมีอายุไล่เลี่ยกัน โดยหลวงพ่อทาบแก่กว่าหลวงพ่อทิม ๒ ปี ส่วนหลวงพ่อทิมและหลวงพ่อเพ่งมีอายุเท่ากันเพราะไล่ทหารปีเดียวกัน อิทธิฤทธิ์หลวงพ่อเพ่ง หลวงพ่อเพ่ง ผู้ทรงอิทธิฤทธิ์รูปนี้อดีตเป็นเจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งของจังหวัดระยอง อยู่คนละฟากแม่น้ำบ้านค่ายกับวัดละหารไร่ หลวงพ่อทิมได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่าหลวงพ่อเพ่งสมัยเป็นทหารเรือ ท่านเคยเป็นบ๋อย (มาจาก Boy ใช้เป็นศัพท์สแลงแปลว่า คนรับใช้) ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระบิดาของทหารเรือไทย พระอาจารย์สิน เจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่ ซึ่งเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อเพ่งและหลวงพ่อทิมได้เล่าว่า หลวงพ่อนั้นท่านเป็นคนหัวดี สมองไว เก่งทางเลขผานาที การคำนวณ และเก่งทางหนังสือหนังหา เมื่อถูกเกณฑ์เป็นทหารเรือจึงได้รับคัดเลือกให้ไปรับใช้ใกล้ชิดเสด็จเตี่ยหรือกรมหลวงชุมพรฯ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารเรือในยุดนั้น หลวงพ่อเพ่งเป็นผู้ที่ใฝ่ใจทางวิทยาอาคม เมื่อมีโอกาสจึงติดตามเสด็จในกรมไปเล่าเรียนวิทยาอาคมต่างๆ ด้วย เมื่อครบกำหนดการเป็นทหารซึ่งในสมัยนั้นใช้เวลา ๓ ~ ๔ ปี ท่านก็กลับมาบ้านเกิดของท่านโดยบวชเป็นพระภิกษุมาแล้ว และมาจำพรรษาอยู่วัดละหารใหญ่ เจ้าอาวาสองค์ก่อนจึงขอให้หลวงพ่อเพ่งสอนหนังสือแก่กุลบุตรกุลธิดาแถววัดละหารใหญ่และวัดละหารไร่ นั่นเอง หลวงพ่อสินยังเล่าต่ออีกว่าหลังจากนั้นก็มีพวกเจ้าขุนมูลนายจากกรุงเทพฯ มาเยี่ยมเยียนหลวงพ่อเพ่งเป็นประจำ และมาอยู่ค้างที่วัดละหารใหญ่ครั้งละหลายๆ วัน ส่วนสาเหตุที่ทำให้คนทั่วไปรู้ว่าหลวงพ่อเพ่งมีอิทธิฤทธิ์ด้านคงกระพันเป็นเอกนั้น ก็เพราะวันหนึ่งขณะที่พวกชาวบ้านกำลังเอามีดผ่าไม้รวกอยู่ หลวงพ่อเพ่งมาเห็นเข้าบอกว่า “ผ่าด้วยมีดมันช้า” ว่าแล้วท่านก็เอามือผ่าลำไม้รวกซึ่งผิวของมันคมกริบปานคมมีดโกน แต่ท่านใช้มือผ่าไม้รวกให้ชาวบ้านดูอย่างหน้าตาเฉย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผู้คนก็ไปขอของดีจากท่านมิได้ขาด บางครั้งขณะที่ท่านกำลังสอนหนังสือเด็กก็มีคนไปรอเพื่อขอให้ลงตะกรุดให้ ผู้เฒ่าผู้แก่แถวๆ วัดละหารไร่เล่าว่า เมื่อชาวบ้านหยิบเอาวัสดุที่เตรียมมาซึ่งมีทั้งแผ่นทองเหลือง แผ่นหม้ออลูมิเนียมตัดเป็นแผ่นๆ มาให้ท่าน หลวงพ่อเพ่งท่านจะหยิบแผ่นโลหะนั้นมาจารอักขระลงไปในแผ่นเพียงตัวเดียว คือ ตัวเฑาะว์มหาพรหม หรือที่เรียกอีกชื่อว่า “ตัวเฑาะว์ใหญ่” จารเสร็จแล้วท่านก็ม้วนเป็นตะกรุด ยกขึ้นจบเหนือศีรษะ แล้วส่งให้ผู้ขอเลย โดยไม่เห็นท่านปลุกเสกอะไร แรกๆ ชาวบ้านไม่แน่ใจก็ลองเอาตะกรุดนั้นวางบนตอไม้ แล้วใช้ปืนยิงลองดู ปรากฏว่า นัดแรกดัง แชะ ด้านทุกราย! ส่วนนัดที่สองด้านบ้าง ยิงออกแต่ไม่ถูกบ้าง บางครั้งมีคนมาขอตะกรุดแต่ไม่มีโลหะมาให้ท่านลง ท่านก็บอกว่ามึงเอาซองห่อยากาแรตนั้นแหละมาลง ปรากฏว่ากระดาษอลูมิเนียมชนิดบางที่ใช้ห่อบุหรี่ตราฆ้องสมัยนั้นก็กลายเป็นตะกรุดไปอย่างวิเศษก็มี หลวงพ่อเพ่งท่านไม่ได้สร้างพระเครื่องอะไรทั้งสิ้นนอกจากตะกรุดอย่างเดียว ปัจจุบันชาวบ้านแถบนั้นจึงหวงตะกรุดหลวงพ่อเพ่งมากกว่าตะกรุดของหลวงพ่อทิมเสียอีก ! อีกเรื่องหนึ่งที่แสดงถึงอิทธิฤทธิ์หลวงพ่อเพ่งให้เป็นที่ประจักษ์ คือ เมื่อวัดละหารใหญ่มีงาน ชาวบ้านก็ล้างจานชามกันที่สระน้ำหน้าวัดทีละใบๆ หลวงเพ่งท่านมาเห็นเข้าท่านจึงบอกว่า “ล้างแบบนี้ช้าไป เอาใส่แข่งเขย่าเลย” ชาวบ้านก็ทำตามท่าน ถ้วยชามที่เป็นแก้วเป็นกระเบื้องก็ไม่แตก! เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจ อาคมหลวงพ่อทิม ในยุคที่หลวงพ่อเพ่งดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่อยู่นั้น หลวงพ่อทิมยังเป็นเพียงพระหมอยาเท่านั้น ใครที่เจ็บไข้ได้ป่วยก็พากันไปหาหลวงพ่อทิม แต่ถ้าจะเอาเรื่อง คงกระพัน ยิงไม่ออกฟันไม่เข้า ก็ต้องไปหาหลวงพ่อเพ่ง แต่ทั้งหลวงพ่อเพ่งและหลวงพ่อทาบนั้น ท่านรู้อยู่เต็มอกว่าไม่ว่าด้านคงกระพันหรือเมตตามหานิยมนั้น หลวงพ่อทิมก็ไม่เป็นสองรองทั้งสองรูป แต่หลวงพ่อทิมท่านเป็นพระสำรวมนอบน้อมถ่อมตนจึงเก็บงำไม่ยอมสำแดงออก ก่อนที่หลวงพ่อเพ่งจะมรณภาพ ท่านสั่งลูกศิษย์ใกล้ชิดไว้ว่า เมื่อท่านตายแล้วและศพท่านเผาไม่ไหม้ก็ให้คนไปตามท่านทิมมาช่วยเผา และก็เป็นไปตามคำที่หลวงพ่อเพ่งสั่งไว้

0 comments:

Post a Comment