ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่ผั่น ปาเรสโก

Sunday, May 23, 2010


หลวงปู่ผั่น ปาเรสโก

วัดป่าหนองไคร้ ต.หนองหิน อ.เมือง จ.ยโสธร
พระเดชพระคุณหลวงปู่ผั่น ปาเรสโก พระอริยเจ้าผู้มีวิถีชีวิตและปฏิปทาที่ไม่หยุดนิ่งในความเพียรที่จะเสาะแสวงหาที่สงัดวิเวกเปล่าเปลี่ยว อดีตชาติท่านเคยเกิดเป็นคนประเทศฟิลิปปินส์

ท่านเป็นศิษย์ ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ที่สำคัญรูปหนึ่ง เริ่มแรกท่านศึกษาธรรมกับ พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตฺยาคโม พระอาจารย์มหาปิ่น ปญฺญาพโล และพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ท่านมีอุบายในการปฏิบัติที่แปลกแต่อุบายนั้นให้ผลในทางบวกเสมอ และมีวิถียาวไกลสามารถบอกวันตายล่วงหน้าได้ถึง ๒ ปี

                                                                       ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต





















ท่านชอบธุดงค์และท่องเที่ยวอยู่ตามถ้ำเป็นส่วนมาก ถ้ำทั่วทุกภาคในประเทศไทยไม่ว่าใกล้หรือไกลท่านได้เข้าไปอาศัยภาวนามาแล้วแทบทั้งนั้นตามบันทึก การเดินทางธุดงค์ของท่านนับได้กว่า ๗๒ ถ้ำ ถ้ำที่ท่านสร้างและอยู่จำพรรษาคือ ถ้ำเอราวัณ อำเภอนากลาง จังหวัดอุดรธานี และถ้ำพระสบาย อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง




ท่านได้รับการยกย่องจาก พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ ว่า “เป็นพระกรรมฐานม้า” หมายความว่า เหมือนม้าศึกตัวปราดเปรียวฝีเท้าเร็วในเชิงรุกและรับ ท่านมีนิสัยต้องเที่ยวไปเหมือนม้า คือต้องเดินท่องเที่ยวรอนแรมปีนป่ายป่าเขาอาศัยอยู่ตามท้องถ้ำ อาศัยปัญญาเป็นอาวุธในการรุกรบกับกิเลส



ท่านเกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๓๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๕๑ ตรงกับวันขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๙ ปีวอก เวลาใกล้รุ่ง ณ บ้านหนองหิน หมู่ที่ ๑ ตำบลหนองหิน อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร เป็นบุตรของขุนเสลวาปี (ศรีคัทธมาส ลูกคำ) และนางหา ลูกคำ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันรวม ๑๑ คน เป็นชาย ๕ คน และหญิง ๖ คน



พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตฺยาคโม




พระอาจารย์มหาปิ่น ปญฺญาพโล



ปีพุทธศักราช ๒๔๖๙ หลังฤดูกาลออกพรรษา เดือนพฤศจิกายน วันขึ้น ๑๕ ค่ำ มีพระธุดงค์กรรมฐานมาพักใต้ร่มไม้ในป่าช้าบ้านยางเดี่ยว ๔ รูป สามเณร ๕ รูป ตาผ้าขาว ๒ คน มีพระอาจารย์มหาปิ่น ปญฺญาพโล เป็นหัวหน้าคณะ ท่านได้ฟังเทศน์จากพระอาจารย์มหาปิ่น ทำให้เกิดความศรัทธาเลื่อมใสเป็นอย่างมาก ในขณะนั้นท่านอายุได้ ๑๙ ปี รับราชการเป็นครูใหญ่โรงเรียนประชาบาล ตำบลหนองหิน อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร




ปีพุทธศักราช ๒๔๖๙ อายุ ๒๑ ปี ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย บวชได้ ๔ เดือนก็ลาสิกขา เข้ารับราชการเป็นนายทหาร



ปีพุทธศักราช ๒๔๗๑ ได้รับเลื่อนยศเป็นสิบเอก ทุกวันหยุดราชการได้เดินทางไปฟังธรรมจากพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตฺยาคโม ที่วัดป่าสาลวัน จากพระอาจารย์มหาปิ่น ปญฺญพโล และพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ที่วัดป่าศรัทธารวม อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา จนสามารถรวมจิตเป็นหนึ่ง ยกจิตขึ้นมาพิจารณาอสุภะกรรมฐานเป็นที่น่าเบื่อหน่ายในกายสังขาร จึงตัดสินใจลาออกจากราชการเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ด้วยความเลื่อมใส



พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ




พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร



ครั้นต่อมา ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุครั้งที่ ๒ ในคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๘๐ อายุได้ ๒๙ ปี ณ พัทธสีมาวัดสุทธจินดา ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยมี ท่านเจ้าคุณพระธรรมฐิติญาณ (สังข์ทอง นาควโร พันธ์เพ็ง ป.ธ. ๕) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระโพธิวงศาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์มหาปิ่น ปญฺญาพโล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระมหาสุทัศน์ สุทสฺสโน เป็นพระอนุสาวนาจารย์




เมื่อบวชแล้วไปศึกษาธรรมกับพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตฺยาคโม และพระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ ที่วัดป่าสาลวัน ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา



ปีพุทธศักราช ๒๔๘๑ จำพรรษาที่วัดป่าศรัทธารวม ตำบลหัวทะเล อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา กับพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร จากนั้นท่านธุดงค์ไปจำพรรษาตามถ้ำและป่าเขาในจังหวัดต่างๆ



ปีพุทธศักราช ๒๔๙๐ อายุ ๓๙ ปี พรรษา ๑๐ จำพรรษากับท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ที่วัดป่าบ้านหนองผือ ตำบลนาใน อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร



ในวันพระปาฏิโมกข์วันหนึ่ง ท่านนั่งคิดคนเดียวว่าอยากจะลงสวดปาฏิโมกข์ในวันอุโบสถ พอถึงเวลาลงอุโบสถ พระอาจารย์มหาบัว ญาณสมฺปนฺโน กำลังจะขึ้นสวดพระปาฏิโมกข์ ท่านพระอาจารย์มั่นรีบพูดขึ้นว่า



“เดี๋ยวก่อนท่านมหา (บัว) วันนี้พักก่อน เห็นท่านผั่นอยากสวดปาฏิโมกข์อยู่พอดี ให้ท่านผั่นสวดแทนก็แล้วกัน” ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต รู้วาระจิตของท่านที่คิดเช่นนั้น ท่านแทบล้มสลบไปต่อหน้า เหงื่อซึมไหลไปทั้งตัว มึนชาไปหมด นี่คือความมหัศจรรย์ในวาระจิตของท่านพระอาจารย์มั่น ถ้าเราคิดดีก็ดีไป แต่ถ้าคิดไม่ดีนี่สิ ย่อมอยู่กับท่านไม่ได้ เพราะท่านรู้หมดทุกอย่าง


พระอาจารย์มหาบัว ญาณสมฺปนฺโน



ท่านได้ศึกษาวัตรปฏิบัติ และอุบายธรรมในสำนักของท่านพระอาจารย์มั่นเป็นที่เข้าใจสมประสงค์แล้ว เมื่อท่านจะออกไปทำความเพียรเฉพาะตน ท่านได้ตั้งเจตนาของท่านไว้ ๙ ข้อ ดังนี้




๑. จะไม่ไปคลุกคลีหมู่คณะอีก นอกเสียจากสามเณรที่ติดตามท่านมาแต่ไหนแต่ไรมา ๒ รูป



๒. จะไปเลือกหาสถานที่ ที่เห็นว่าเหมาะพอสะดวกในการทำความเพียรได้แล้ว จะอยู่เป็นที่ ไม่เที่ยวเตร็ดเตร่



๓. จะพยายามใช้สติปัฏฐานให้มาก พิจารณากายคตาสติแต่อย่างเดียว ให้เป็น เอกายโน มคฺโค วิสุทฺธิยา



๔. การเทศนาแก่สานุศิษย์ และพุทธบริษัทภายนอกจะให้มีน้อยที่สุด



๕. คุณวิเศษจะไม่เกิดขึ้นในจิตโดยเร็วพลัน ทันความประสงค์ของตนสักปานใดก็ตาม จะถือเอาความสงบสงัด วิเวกกาย วิเวกวาจาเป็นหลัก



๖. เท่าที่ศึกษาอบรมกับท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต พอควรแก่การอบรม ย่อมเป็นแนวทางจะฝึกตนดำเนินตนไปข้างหน้าได้แล้ว ไม่ต้องได้ยินได้ฟังอีก ก็พอจะเป็นไปบ้างแล้ว เว้นเสียแต่จะเกิดวิจิกิจฉาลังเลขึ้นภายหลังอีก จึงจะไปศึกษากราบเรียนท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต



๗. จะเที่ยวเลือกหาสถานที่ทำความเพียร ที่ไม่ห่างไกลจากท่านพระอาจารย์มั่นจนเกินไป สถานที่ที่ได้เลือกคือ บ้านหนองมะโฮง ตำบลไร่ อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ระยะทางห่างจากวัดป่าบ้านหนองผือ (วัดป่าภูริทัตตถิราวาส) ประมาณ ๔-๕ กิโลเมตรเท่านั้น และจำพรรษาที่นี่ ๑ พรรษา



๘. ข้อวัตรปฏิบัติต่างๆ ซึ่งศึกษาอบรมมาจะพยายามทำให้เป็นเนืองนิจ สม่ำเสมอ ไม่ให้ลุ่มๆ ดอนๆ ให้คงเส้นคงวา เป็นบรรทัดฐานตั้งอยู่ ถึงแม้จะเสื่อมถอยไปโดยอนุโลมสานุศิษย์หรือญาติโยม และกิเลสของตน เหล่านี้ให้มีน้อยครั้งที่สุด



๙. ถ้าเห็นสำนักใดหรือหมู่คณะใดประพฤติเลวทรามกว่าตน เจตนาจะไม่เพ่งโทษสำนักใดหรือใครเป็นอันขาด



ปีพุทธศักราช ๒๔๙๓ กำนันโทน ลูกคำ ซึ่งเป็นพี่ชาย ได้นิมนต์ท่านให้กลับมาโปรดคณะศรัทธาญาติโยมในถิ่นเกิด ท่านพักภาวนาที่เสนาสนะป่าแห่งหนึ่ง



ในปีพุทธศักราช ๒๔๙๙ ขณะที่ท่านพักจำพรรษา มีแสงสว่างสุกใสพวยพุ่งขึ้นมาจากทางด้านทิศตะวันตก เป็นอย่างนี้ตลอดพรรษา ด้วยบุพพนิมิตแห่งเทพบันดาลแนะนำสถานที่อันเป็นมหามงคล ท่านจึงได้สร้าง “วัดป่าหนองไคร้” ขึ้น ณ บ้านหนองทองหลาง ตำบลหนองหิน อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร

ท่านพ่อลี ธมฺมธโร




สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร)

ปีพุทธศักราช ๒๕๐๑ ท่านได้สร้างพระพุทธรูปใหญ่ปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง ๔ เมตร สูง ๕ เมตร (วัดจากฐาน ๗ เมตร) เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้กราบไหว้ อีกทั้งเพื่อเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับจาก ท่านพ่อลี ธมฺมธโร กับอัฐิธาตุของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ซึ่งท่านมีอยู่มาก (ท่านรับแต่งตั้งให้เป็นพระผู้มีหน้าที่ลงไปเก็บอัฐิธาตุท่านพระอาจารย์มั่น จึงได้รับส่วนแบ่งมามาก) เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร) วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน กรุงเทพฯ ได้ประทานนามพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “พระพิชิตมาร” โดยได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ที่พระเศียร และบรรจุอัฐิธาตุของท่านพระอาจารย์มั่นจำนวนหลายร้อยองค์ ประมาณครึ่งแก้วไว้ที่พระนาภี (สะดือ) ในงานคราวนั้นพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตฺยาคโม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์




ท่านบรรลุอุดมธรรมขั้นสูงสุดที่วัดป่าหนองหัวเสือ บ้านโต่งโต้น ตำบลหนองหิน อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร ในเดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๓๐ ก่อนมรณภาพเพียง ๕ เดือน โดยท่านมรณภาพเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน เมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๓๐ ณ โรงพยาบบาลยโสธร สิริรวมอายุได้ ๗๙ ปี ๑๐ เดือน พรรษา ๔๙





















คัดลอกมาจาก


หนังสือ...พระธุตังคเจดีย์ เจดีย์แห่งพระอรหันต์

วัดอโศการาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ

0 comments:

Post a Comment